นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นหนังสือขอให้นายทะเบียนพรรคการเมือง และ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบการนำรถยนต์และรถกระบะมาดัดแปลงเป็นรถแห่หาเสียงของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เพื่อไทย ประชาธิปัตย์ พลังประชารัฐ เสรีรวมไทย รวมถึงอีกหลายพรรค
หลังพบว่า พรรคการเมืองมีการนำรถยนต์และรถกะบะมาดัดแปลงเป็นรถแห่หาเสียง ซึ่งในอดีตอาจทำได้ แต่ปัจจุบันไม่อาจทำได้เนื่องจากเมื่อวันที่ 30 ม.ค.66 มีประกาศของ ผบ.ตร. เรื่องเข็มขัดนิรภัย ซึ่งในประกาศดังกล่าวมีข้อกำหนดชัดเจน ห้ามมีการนั่งและยืนท้ายรถกระบะเด็ดขาด เมื่อมีกฎหมายออกมาบังคับใช้ขนาดนี้ ผู้สมัครและพรรคการเมืองไม่สามารถที่จะใช้รถกระบะหาเสียง หรือยืนปราศรัยบริเวณท้ายรถกระบะ ไม่เช่นนั้นจะเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.จราจร พ.ศ.2522
ดังนั้น จึงร้องเพื่อให้นายทะเบียนดำเนินการบังคับใช้กฎหมายโดยเคร่งครัด ไม่เช่นนั้นจะถือว่าเป็นการเลือกปฎิบัติ เพราะอีกไม่กี่วันจะเข้าเทศกาลสงกรานต์ ที่ประชาชนจำนวนมากจะเดินทางกลับภูมิลำเนา และเดินทางทางโดยรถกระบะกันเป็นส่วนใหญ่
"ตำรวจต้องบังคับใช้กฎหมาย ห้ามนั่ง หรือยืนท้ายรถกระบะ ซึ่งหากไม่ไปจับกุมนักการเมืองที่ยืนท้ายรถกระบะ ก็จะเป็นการเลือกปฎิบัติโดยทันที กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย" นายศรีสุวรรณ ระบุ
ที่สำคัญคือ มาตรา 22 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง กำหนดไว้ชัดเจนว่า หลังจากมี พ.ร.ฎ.เลือกตั้งแล้ว เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง ที่จะต้องควบคุมดูแลสมาชิกพรรคและผู้สมัครของพรรค ให้ทำตามกฎหมาย ไม่ละเมิด และหากกรรมการบริหารพรรครับทราบ ต้องหามาตรการแก้ไขโดยด่วน หรือถ้านายทะเบียนพรรคการเมืองแจ้งไปยังผู้บริหารพรรคการเมืองให้ยุติการฝ่าฝืนกฎหมายดังกล่าว และพรรคการเมืองต้องรายงานให้ กกต. ว่าได้มีมติสั่งห้ามสมาชิกหรือผู้สมัคร ไม่ให้ฝ่าฝืนกฎหมายภายใน 7 วัน หากพรรคการเมืองยังฝ่าฝืนอยู่บทลงโทษ คือกรรมการบริหารพรรคทั้งหมด จะต้องพ้นจากตำแหน่งโดยทันที