นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล ร่วมกิจกรรมหาเสียงกับพรรคก้าวไกลในเขตกรุงเทพฯ โดยเริ่มต้นแต่เช้าตรู่ที่ย่านฝั่งธนบุรี แนะนำผู้สมัคร ส.ส. และเดินพบปะประชาชนที่ตลาด และชุมชนซอยโรงเรียนบางขุนเทียนศึกษา จากนั้นขึ้นรถแห่ร่วมหาเสียงจากบางขุนเทียนไปจนถึงสุขสวัสดิ์
หลังจากนั้น ได้ย้ายมาหาเสียงในย่านห้วยขวาง - รัชดาฯ บริเวณตลาดเมืองไทยภัทร และตลาดห้วยขวาง ก่อนปิดท้ายการหาเสียงของวันนี้ ที่เขตลาดกระบัง บริเวณตลาด V-Market ซึ่งการหาเสียงของพรรคก้าวไกลในพื้นที่กรุงเทพฯ วันนี้ ประชาชนให้การตอบรับเป็นอย่างดี มีเข้ามาพูดคุย ให้กำลังใจ และขอถ่ายรูปกับนายธนาธรด้วยเป็นจำนวนมาก
นายธนาธร ได้กล่าวในระหว่างการลงพื้นที่ช่วยหาเสียง ถึงกรณีการแบ่งเขตเลือกตั้งของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานว่า การแบ่งเขตเช่นนี้ กำลังนำมาซึ่งความสับสนต่อทั้งประชาชนและพรรคการเมือง แต่ไม่ว่ากติกาจะเป็นแบบไหน เชื่อว่าพรรคก้าวไกลก็พร้อมจะสู้
พร้อมเชื่อมั่นว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากคนกรุงเทพฯ เพราะผลงานในสภาฯ ของพรรคก้าวไกล ได้เป็นที่พิสูจน์แล้วว่าสามารถทำงานได้อย่างคุ้มค่าภาษีของประชาชน โดยต่อจากนี้ ทั้งพรรคก้าวไกลและตนจะใช้เวลาที่เหลืออีกเดือนกว่านี้ทำงานให้หนัก เพื่อให้พี่น้องประชาชนเห็นถึงความตั้งใจที่เรามีร่วมกัน
นายธนาธร ยังกล่าวถึงการออกแบบนโยบายปากท้องประชาชนที่แตกต่างกันไปของแต่ละพรรคการเมืองว่า จากวิกฤติที่ผ่านมาทั้งในเศรษฐกิจและการเมือง ทำให้วันนี้คนไทยอ่อนแอลงมาก ประเทศไทยจะเข้มแข็งไม่ได้เลย ถ้าประเทศไทยและคนไทยยังมีหนี้ครัวเรือนที่สูงขนาดนี้ ต้องใช้ชีวิตแบบวันต่อวัน ขาดความมั่นคงทางการเงิน ดังนั้นทางออกของสภาวะเช่นนี้คือ ประเทศไทยต้องมีรัฐสวัสดิการที่ยั่งยืน เพื่อให้ประชาชนมีความมั่นคง มีความต่อเนื่องของนโยบาย เพื่อให้ประชาชนสามารถวางแผนชีวิตตัวเองและต่อยอดการทำมาหากินได้
นายธนาธร ยังกล่าวถึงวิวาทะของนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า และผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกลที่มีต่อพรรคเพื่อไทย ในกรณีข้อเสนอลบล้างผลพวงจากการรัฐประหาร โดยระบุว่า ถือเป็นสิทธิส่วนบุคคลของนายปิยบุตรในการแสดงความคิดเห็น เพราะถ้าหากเชื่อว่าจะมีพรรคการเมืองที่กล้าต่อสู้กับการทำรัฐประหารอย่างจริงจัง คงไม่มีอดีตพรรคอนาคตใหม่ที่กลายมาเป็นพรรคก้าวไกลในวันนี้ แต่ในขณะเดียวกัน ตนก็เชื่อว่าถ้าพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทยสามารถจับมือกันได้ จะมีทั้งพลัง และประสบการณ์ที่จะผลักดันให้ประเทศไทยกลับสู่ความเป็นประชาธิปไตย
"การร่วมรัฐบาล ระหว่างพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทย ยังคงเป็นทางเลือกการจัดตั้งรัฐบาลที่ดีที่สุดสำหรับประเทศในตอนนี้ ซึ่งหากเกิดขึ้นได้จริง ก็ยังมีความจำเป็นที่ทั้งสองพรรคต้องปรับจูนกันหลายอย่าง นโยบายของเพื่อไทยที่ดี ผมเชื่อว่าพรรคก้าวไกลพร้อมผลักดันสนับสนุนอยู่แล้ว และเชื่อว่านโยบายของพรรคก้าวไกลที่จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชน พรรคเพื่อไทยก็พร้อมที่จะสนับสนุนเช่นกัน ซึ่งจะเป็นอย่างไรนั้น คงต้องขึ้นอยู่กับการหารือของทั้ง 2 พรรคหลังจากการเลือกตั้ง ว่าจะพาสังคมไทยไปข้างหน้าอย่างไร" นายธนาธร กล่าว