นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย เปิดเผยว่า ในระหว่างวันที่ 8-9 เม.ย.นี้ จะลงพื้นที่ปราศรัยในจังหวัดน่าน และลำปาง ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ทีมเพื่อไทยชุดใหญ่ไปปราศรัยในภูมิภาค หลังจับฉลากหมายเลขผู้สมัคร ส.ส.ระบบเขต และบัญชีรายชื่อ ตลอดจนการประกาศชื่อผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีครบทั้ง 3 คน และการประกาศตัวเลขในนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี เกิดการตื่นตัวที่จะสนับสนุนผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคให้ได้รับเลือกตั้งเข้าไปผลักดันนโยบายให้เป็นจริง
การลงพื้นที่จังหวัดน่านและลำปางในครั้งนี้ จะนำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค, น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ที่จะร่วมปราศรัยผ่านระบบออนไลน์, นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย, นายจาตุรนต์ ฉายแสง คณะกรรมการยุทธศาสตร์, นายสุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรค, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย และผู้สมัคร ส.ส.ของแต่ละจังหวัด
เริ่มจากวันเสาร์ที่ 8 เม.ย.66 สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ วัดพระธาตุแช่แห้ง อำเภอเมือง จังหวัดน่าน ในเวลา 15.00 น. จากนั้นจะไปสมทบคาราวานรถแห่ของผู้สมัครใน 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน เดินทางไปในทุกจังหวัด โดยมีพิธีเปิดกิจกรรมรถแห่ "กึ๊ดใหญ่ ทำเป็น" 8 จังหวัดภาคเหนือ ณ วัดพระธาตุแช่แห้ง ในเวลา 15.30 น. จากนั้นจะเริ่มกิจกรรมรถแห่รอบเมือง ผ่านตลาดเทวราช ชุมชน ย่านธุรกิจ ไปหยุดปราศรัยบนรถแห่หน้าวัดภูมินทร์ (ถนนคนเดิน) ก่อนที่ในเวลา 18.00 น.จะมีเวทีปราศรัยใหญ่ ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา วิทยาเขตน่าน อำเภอเมือง จังหวัดน่าน จากนั้นไปถนนคนเดินเพื่อพบปะพี่น้องประชาชนที่มาจับจ่ายใช้สอย
ส่วนในวันอาทิตย์ที่ 9 เม.ย.56 เริ่มจากเวลา 07.30 น.ออกเดินทางไปยังอำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่ เพื่อพบปะเกษตรกรชาวสวนผลไม้ และชาวนาในพื้นที่ในเวลา 11.00 น. จากนั้นในเวลา 13.00 น.จะเดินทางไปพบปะพี่น้องประชาชนในอำเภอแม่ทะ จังหวัดลำปาง และในเวลา 16.30 น. จะมีการร่วมขบวนปราศรัยบนรถแห่ ณ ห้าแยกหอนาฬิกา อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง ส่วนในเวลา 18.00 น.จะมีเวทีปราศรัยใหญ่ ณ ตลาดนัดคลองถมห้างฉัตร อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า จากนี้ทีมปราศรัยของพรรคเพื่อไทย ทั้งเวทีใหญ่ เวทีระดับเขต เวทีย่อย ปูพรมลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยเวทีใหญ่ที่มีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเข้าร่วมด้วย ได้วางคิวถึงสิ้นเดือน เม.ย.66 ส่วนในเดือน พ.ค.66 จะมีการปราศรัยในทุกวันทุกภูมิภาค เพื่อเน้นย้ำนโยบายและสร้างความเชื่อมั่นให้พี่น้องประชาชน ตัวแคนดิเดตทั้ง 3 คนก็จะทำงานร่วมกันเป็นทีม การไปร่วมเวทีใดขึ้นกับสถานการณ์และช่วงเวลาที่เหมาะสม
ส่วนเวทีปราศรัยปิดท้าย คาดว่าหลายพรรคการเมืองจะปักหมุดในช่วงเย็นวันที่ 12 พ.ค.66 พรรคเพื่อไทยก็เช่นกัน ซึ่งเวทีนี้จะมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีทั้ง 3 คนปรากฎตัวบนเวทีร่วมกันอีกครั้ง เชื่อว่าเวลานั้น น.ส.แพทองธาร อยู่ระหว่างพักฟื้นหลังคลอดบุตรแล้ว โดยเจ้าตัวยืนยันที่จะเข้าร่วมเวทีนี้อย่างแน่นอน
นายณัฐวุฒิ ระบุว่า ในช่วงนี้ มีสถานการณ์ที่ทำให้เกิดคำถามถึงนโยบายพรรคเพื่อไทยว่าทำได้จริงหรือไม่ ถ้าได้เป็นรัฐบาลจะจับมือกับใคร และมีสัญญาณทำให้การเลือกตั้งสะดุด หรือไม่ตอบสนองต่อประชาชน ตอนนี้ ตนคิดว่าคำตอบใน 2 ประเด็นแรก ชัดเจนแล้ว ส่วนสถานการณ์พิเศษนั้น ส่วนตัวไม่เชื่อว่าจะมีการหยุดยั้ง ขัดขวางการเลือกตั้งครั้งนี้ ซึ่งเป็นความต้องการของประชาชน
"คำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อาจเป็นวิธีการพยายามเอาของเก่ามาขาย เพราะนโยบายขายไม่ได้ จึงพยายามให้คนนึกถึงความสงบจบที่ลุงตู่ แต่ประชาชนต้องการจบลุงตู่มากกว่า ขอให้อำนาจนอกระบบ ยอมรับการตัดสินใจของประชาชน ถอยพ้นไปจากวิถีทางในระบบรัฐสภา" ผู้อำนวยการพรรคเพื่อไทย ระบุ
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า สำหรับการประกาศนโยบายแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น การวิพากษ์วิจารณ์ย่อมเกิดขึ้นได้ ประชาชนก็สามารถใช้วิจารณญาณได้ แต่ขอให้มีความเหมาะสม โดยเฉพาะพรรคการเมืองที่ได้ร่วมงานร่วมแนวทางประชาธิปไตยด้วยกันมา เพื่อทำให้การทำงานภาพรวมในสนามเลือกตั้งสวยงาม การแก้รัฐธรรมนูญเป็นแนวทางที่นำเสนอโดยนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค และเป็นแนวทางของพรรคเพื่อไทยมาตลอด ที่ต้องแก้เต็มคาราเบล ต้องให้มีประชาชนเลือกตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) มีกระบวนการทำประชามติ ทั้งก่อนและหลังการยกร่าง การมี ส.ส.ร.ส่วนเนื้อหาสาระต้องเป็นวาระของ ส.ส.ร.ด้วย
"พรรคการเมืองมีสิทธิ์เสนอแนวทางประกอบการพิจารณาได้ แต่ไม่ใช่การไปแทรกแซงกดดัน การเห็นด้วยหรือไม่ ต้องเคารพต่อความเห็นของ ส.ส.ร. ส่วนการต่อสู้ทางการเมือง คงไม่มีใครมีมาตรวัดว่าใครทำอะไรมามากกว่าใคร เราเคารพทั้งความเหมือนและความต่างของเพื่อนร่วมทางจะดีกว่า" นายณัฐวุฒิ กล่าว