พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรคการเมือง และในฐานะแคนดิเดทนายกฯรัฐมนตรีอันดับ 1 พรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวภายหลังเสร็จสิ้นปราศรัยหาเสียงสวนเบญจกิติเมื่อคืนนี้ว่า ถือเป็นวันแรกที่ตนมาพูดจากับคนกทม.ร่วมกับผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง 33 เขต รวมทั้งผู้บริหารพรรคทั้งหมด ตนพูดในสิ่งที่มีความเป็นไปได้และเป็นสิ่งที่มาจากใจพูดในสิ่งที่ทำโครงสร้างไว้ทั้งหมดแล้วและต้องทำต่อไป และเป็นสิ่งที่ตนตั้งใจไว้แล้วว่า ทำแล้ว ทำอยู่ และทำต่อ ต่อไปคือพลัส คือทำต่อไปอีก และอาจมีเรื่องใหม่ๆเข้ามา แต่เราต้องเดินหน้าอย่างระมัดระวังเพราะวันนี้เราก้าวมาไกลแล้ว จะกลับไปที่เดิมอีกไม่ได้ เพราะโอกาสไม่มีแล้วเรามีเพียงครั้งเดียว วันนี้ทุกอย่างอยู่ในจุดที่พีคที่อื่นจะเป็นอย่างไรก็ตามแต่ประเทศไทยต้องเป็นดินแดนแห่งความสุข เป็นพื้นที่แห่งความสุข คนไทยต้องรักและสามัคคีและเป็นเจ้าบ้านที่ดี รับนักท่องเที่ยว เพราะเป็นรายได้ของทุกคนเรา เป็นมิตรกับคนทั้งโลก
"วันนี้ดีใจและขอบคุณชาวกรุงเทพฯทุกคนที่ให้ความเมตตาให้ความรักกับผม และพรรคของผม ผมทำอะไรคนเดียวไม่ได้ต้องมีทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนี้นั่นเป็นแรงใจในการทำงานร่วมกัน เชื่อมั่นและไว้วางใจซึ่งกันและกัน เราต้องตอบคำถามให้ได้ว่าการจะเป็นรัฐบาล เราทำเพื่อใคร บอกว่าทำเพื่อประชาชนอย่างเดียวไม่พอ เราต้องทำเพื่อชาติศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน ทำให้ทุกคนมีความสุขและมีความพึงพอใจ มาตรการต่างๆในการช่วยเหลือเรามีอยู่แต่ต้องระมัดระวังอย่างที่สุดในการใช้จ่ายงบประมาณ ไม่เช่นนั้นจะเกิดความเข้าใจผิด ถ้าเราทำหลายอย่างผิดไปโครงสร้างจะล้มทั้งหมด ทุกอย่างจะพังทลายทันทีขอฝากสมาชิกทุกคนไว้ด้วย"
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอบคำถามถึงนโยบายของแต่ละพรรคการเมือง อยากฝากเตือนประชาชนไม่ให้หลงเชื่อในบางนโยบายที่เป็นการขายฝันหรือไม่ว่า ประชาชนต้องไปอ่านข้อมูลข้อเท็จจริง และบางเรื่องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ชี้แจงมาแล้ว และเรื่องเงินต่างๆ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และกระทรวงการคลัง รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ชี้แจงมาแล้ว ก็ขอให้ระมัดระวัง ว่าจะเป็นการหาเงินเข้ากระเป๋า 10,000 บาท ที่บางพรรคหาเสียงก็ต้องระมัดระวัง ซึ่งมีหลายฝ่ายออกมาเตือนแล้ว แต่เราจะไปห้ามประชาชนคงไม่ได้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ตนเคยพูดไว้แล้ว และเคยเตือนเอาไว้แล้วว่าเงินดิจิทัลเป็นเงินที่จับต้องไม่ได้ แต่เป็นเงินที่ตกลงซึ่งกันและกัน และก็รู้ถึงที่มาของเงิน ที่ใช้บล็อกเชนเป็นตัวควบคุม ไม่มีตัวเงินที่แท้จริง เป็นตัวเลขที่ยอมรับกันทั้ง 2 ฝ่าย ระหว่างผู้ใช้กับผู้ให้บริการ แต่ก็จะเห็นว่าบางประเทศก็ล้มไปทั้งยวง ธนาคารก็ล้มทั้งหมด สิ่งสำคัญคือสิ่งที่เอามาพูดกันวันนี้
ทั้งนี้ไม่อยากไปแตะต้องใคร แต่จะต้องระมัดระวังอย่างที่สุด เพราะไม่ว่าจะใช้เงินลักษณะใดก็ตามจะต้องมีเม็ดเงินจริงอยู่เสมอ พูดลอยๆเท่าไหร่ก็ได้ แต่มีงบประมาณที่อยู่ในคลังมีเงินสำรองอยู่ในคลังพอหรือไม่ ถ้าไม่พอมันเสี่ยง ส่วนตัวคิดว่าเรื่องแบบนี้ต้องระวังอย่างที่สุด ทุกคนในพรรค รทสช.ระวังกัน ทั้งหมดการใช้งบประมาณต้องไม่ผิดระเบียบและไม่ผิดกฎหมาย แค่พูดผิดก็กลัวแล้ว ซึ่งปกติตนไม่เคยกลัวใคร