คณะของพรรคเพื่อไทย นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานคณะที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ลงพื้นที่และปราศรัยย่อยต่อหน้าประชาชน เพื่อช่วยหาเสียงให้กับผู้สมัคร ส.ส.ลำปาง 4 เขต ประกอบด้วย นายกิตติกร โล่ห์สุนทร ผู้สมัคร เขต 1 เบอร์ 5 นายธนาธร โล่ห์สุนทร ผู้สมัคร เขต 2 เบอร์7 นายจรัสฤทธิ์ จันทรสุรินทร์ ผู้สมัคร เขต 3 เบอร์ 3 และนายพินิจ จันทรสุรินทร์ ผู้สมัคร เขต 4 เบอร์ 7
จากนั้น นายเศรษฐา ให้สัมภาษณ์กรณีนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล (Digital Wallet)10,000 บาทของพรรคเพื่อไทย ยังถูกโจมตีจากพรรคประชาธิปัตย์และพรรคก้าวไกล ซึ่งจะถูกมองว่ารีดภาษีจากประชาชนและงบประมาณจนสร้างหนี้สินของประเทศ ว่า เป็นเรื่องน่ายินดี เพราะจะได้เป็นการช่วยขยายความออกไปเรื่อยๆ เพราะนโยบายนี้โดน ทำให้พรรคการเมืองอื่นพูดถึง ตนคิดว่านโยบายนี้พรรคเพื่อไทยต่อสู้ความยากจนของประชาชน ถ้าจะมาใช้การหยอดน้ำข้าวต้ม ทีละ 500-1,000 บาท ตนคิดว่าไม่โดน ส่วนเรื่องที่ใช้เงิน 10,000 บาท ยืนยันไม่ได้มีการรีดภาษี เรามีการบริหารจัดการชัดเจน โดยเมื่อวานนึ้ (8 เม.ย. 2566) ทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เรียกข้อมูลเพิ่มเติมจากพรรคเพื่อไทย คณะกรรมการบริหาร ฝ่ายเศรษฐกิจ ฝ่ายกฎหมายได้รวบรวมข้อมูลแล้ว ตนเข้าใจว่าได้นำส่งต่อ กกต.แล้ว ถ้า กกต.มีข้อสงสัยก็พร้อมชี้แจง
"ผมคิดว่าดีครับ จะได้เปิดเผยข้อมูลที่ชัดเจนมีระบบ จะได้ไม่มีข้อกังขาอะไร เป็นนโยบายที่โดนจริงๆ พรรคเพื่อไทยเราคิดใหญ่ เราทำเป็น" นายเศรษฐาระบุ
นายเศรษฐา ยืนยันการใช้งบประมาณกว่า 5 แสนล้านบาทไม่ได้เป็นการสร้างหนี้ให้กับประเทศ ตรงนี้เราจะดูสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีเป็นหลัก อย่าลืมว่าหนี้โตขึ้นบางส่วน จะทำให้จีดีพีของประเทศโตขึ้นด้วย อย่างงบประมาณที่เราวางแผนไว้ไม่ได้เป็นการเพิ่มหนี้สินให้กับประเทศ ทั้งนี้ นโยบายดังกล่าวจะเป็นจะทำให้มีเงินเข้าสู่ระบบ 5 แสนกว่าล้านบาทด้วย ยืนยันไม่ได้ขึ้นภาษีแต่อย่างใด
ขณะที่ นพ.ชลน่าน ชี้แจงเพิ่มเติมว่า กรอบงบประมาณได้กำหนดวงเงินไว้แล้วที่มารายได้ก็วางไว้หมดแล้ว ทั้งนี้ไม่ได้เป็นการกู้เงินเพื่อนำมาชดเชยงบประมาณแต่อย่างใด ดังนั้นไม่ได้เพิ่มภาระหนี้ของประเทศตามที่มีการกล่าวหา อีกทั้งเรื่องรีดภาษีนั้น พรรคเพื่อไทยไม่ได้ขยับอัตราภาษีแต่ความสามารถ ของพรรคเพื่อไทยจะขยับฐานภาษีให้มากขึ้นและจะจัดเก็บรายได้ให้มากขึ้น อย่างนี้เขาเรียกว่ารีดภาษีหรือไม่ ต้องถามกลับไปยังคนที่กล่าวหาว่า นโยบายนี้เป็นการรีดภาษีหรือไม่
เมื่อถามถึงกรณีนายเศรษฐาได้ปราศรัยถึงข้อมูลการทุจริตของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทางพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ตอบโต้คนที่ทุจริตไม่ใช่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม แต่เป็น ดร.ทักษิณ ชินวัตร น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดย นายเศรษฐา ระบุว่า ตนพูดถึงข้อมูลทุจริตที่จัดทำโดยต่างประเทศ ตนไม่ได้อยากพูดเรื่องนี้มาก แต่ยืนยันมีข้อมูลเรื่องนี้และตัวเลขเรื่องดัชนีคอร์รัปชันที่สูงขึ้นทุกคนก็ทราบดี โดยย้ำขอให้ดูที่ตัวเลขการสำรวจ และย้ำว่า ตนนำเสนอในข้อเท็จจริง แต่ไม่ได้เป็นผู้สำรวจ หากพรรครวมไทยสร้างชาติจะไปเถียง ก็ขอให้ไปเถียงกับองค์กรนั้นดีกว่า
"อย่าเอามาวัด เขาว่าฉันเธอว่าฉันดีกว่า โดยใช้คำว่ายอมรับและนำไปปรับปรุงกัน เพราะเรามีหน้าที่ปรับปรุงแก้ไขส่วนที่ไม่ดี อันนี้ขอฝากไว้ละกัน" นายเศรษฐา ระบุ
ขณะที่ นพ.ชลน่าน กล่าวเสริมว่า เรื่องอันดับการทุจริตของไทยร่วงลงมาอันดับที่ 110 ซึ่งเป็น องค์กรสากลในการสำรวจ CPI คะแนนลดต่ำลงมามาก ได้ 35 จาก 100 เต็ม
นพ.ชลน่าน ยังกล่าวถึงอาการป่วยกะทันหัน ของ นายชัยเกษม นิติสิริ ประธานยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ว่า ตนได้ส่งนายชัยเกษมขึ้น Sky Doctor ที่บินมารับที่ จ.น่าน เพื่อนำตัวนายชัยเกษมไปส่งที่ดอนเมือง เพื่อรักษาอาการป่วยที่กรุงเทพฯ เพื่อเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว อาการของนายชัยเกษมเป็นปกติ มีอาการหลงลืมเล็กน้อย มีอาการเดินเซบ้าง แต่ความรู้สึกตัวการพูดจาเป็นได้ปกติ ตอนที่นำนายชัยเกษมขึ้นรถเข็นเพื่อนำตัวขึ้นรถพยาบาลนั้นเมื่อมีผู้สื่อข่าวมารอสัมภาษณ์ นายชัยเกษมก็บอกว่าไม่เป็นไร พร้อมให้สัมภาษณ์ว่าเลือกตั้งคราวนี้พรรคเพื่อไทยนอนมา ชนะอย่างเด็ดขาด นอนมา แต่ขณะนี้อาการของนายชัยเกษมต้องอยู่ในการดูแลอย่างใกล้ชิด