นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เดินทางเข้ายื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง ( กกต.) เพื่อให้ตรวจสอบกรณีนายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นผู้สมัคร ส.ส.กาญจนบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เขต 1 ปราศรัยหาเสียงเมื่อวันที่ 6 เม.ย.66 โดยอ้างโครงการพระราชดำริในหลวง ร.9 และ ร.10 เป็นการขัดต่อข้อ 17 ของระเบียบ กกต.ว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2561 หรือไม่
เนื่องจากโครงการดังกล่าวเป็นโครงการหลวง พรรคการเมืองจะนำมาเคลมเป็นผลงานของตัวเองไม่ได้ ตนพยายามย้ำมาตลอดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ตนอยากให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั่วประเทศเอากรณีที่ตนได้นำเรื่องมาร้องเรียนและพรรคไหนที่นำเอาสถาบันฯ มาหาเสียงนั้นให้ประชาชนที่มีสิทธิเลือกตั้งได้เป็นคนลงโทษนักการเมืองเหล่านี้เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป
ส่วนบทลงโทษนั้นขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของกฎหมายว่าเป็นอย่างไร ถ้ามีการกระทำซ้ำ ตนคิดว่ามันอาจจะไม่แค่ตักเตือน ต้องมีบทลงโทษที่หนักยิ่งกว่าตักเตือน เพราะเข้าใจว่าถ้าเป็นการทำครั้งแรก กกต.อาจจะส่งหนังสือถึงกรรมการบริหารพรรคให้ควบคุมดูแลสมาชิกพรรคไม่ให้กระทำการที่ส่อผิดกฎหมาย โดยเฉพาะการดึงสถาบันมาหาเสียง
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ตนหนักใจกับการทำงานของ กกต.หลายเรื่อง ที่ตนพยายามร้องเรียนมานั้นก็เพื่อให้มีการควบคุมดูแลการหาเสียงของผู้สมัครของพรรคการเมืองทุกพรรคให้อยู่ในกรอบกฎหมาย แต่การทำงานของ กกต.ดูเหมือนจะเชื่องช้าไม่ทันต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเมื่อผู้สมัครหรือพรรคการเมืองเห็นว่า กกต.ทำงานช้าก็อาจจะช่วงชิงโอกาสในการไปฝ่าฝืนระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งไม่เป็นผลดีอาจทำให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยไม่สุจริต เที่ยงธรรม และเป็นการเอาเปรียบคนทำการเมือง
"ไม่แน่ใจว่าเป็นการช่วยเหลือเกื้อกูล หรือลูบหน้าปะจมูก และมีกรณีที่มีคนที่เคยทำงานที่ กกต.แล้วไปอยู่กับพรรคการเมือง โดยเฉพาะพรรคใหญ่ๆ แล้วก็จะกลายเป็นปฏิสัมพันธ์ หรือมีคอนเนคชันระหว่างเจ้าหน้าที่ กกต. อดีตเจ้าหน้าที่กกต. รวมทั้งผู้บริหาร กกต. เลยไม่กล้าที่จะลงดาบ หรือใช้กฎหมายที่เข้มงวดด้วย จึงกลายเป็นการเอื้อหรือสมประโยชน์ให้ต่อกันและกัน" นายศรีสุวรรณ กล่าว