นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า การลงพื้นที่หาเสียงช่วงสงกรานต์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคฯ นั้นจะพิจารณาลงพื้นที่เอง แต่ถ้าเป็นช่วงหลังเทศกาลสงกรานต์ ทางพรรคจัดวาระให้ลงพื้นที่อยู่แล้ว โดยให้ทางพื้นที่เป็นผู้แจ้งกำหนดการว่าจะให้ไปจุดไหนบ้าง แต่จะต้องพิจารณาตามความเหมาะสมของการขึ้นเวทีปราศรัยแต่ละภาคด้วย โดยมีพื้นที่เป้าหมายอยู่ทุกภาค ส่วนการขึ้นเวทีดีเบตนั้นตนไม่ทราบ ขึ้นอยู่กับแต่เรื่องและความเหมาะสม โดย พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นผู้พิจารณาเอง
ขณะที่กระแสความนิยมจากการทำโพลของพรรคก็ออกมาดี แต่ส่วนตัวไม่เคยกำหนดหรือตั้งเป้าว่าจะได้จำนวน ส.ส.กี่ที่นั่ง แต่จะทำให้ได้มากที่สุด ส่วนนโยบายหาเสียงนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้วางแนวทางไว้ให้ ซึ่งตรงกับแนวทางที่พรรคกำหนดไว้ โดยนโยบายต่างๆ จะต้องมีความรับผิดชอบต่อบ้านเมือง ไม่คิดแต่เพียงว่าให้ได้คะแนนเสียง เพราะการเข้ามาเป็นผู้แทนราษฎรหรือมาทำหน้าที่บริหารประเทศ จะต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวม ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว
"ถ้าเราเริ่มต้นเข้ามาด้วยการที่คิดถึงแต่ส่วนตัว เราจะบริหารประเทศไม่ได้ และจะทำงานเพื่อประโยชน์ส่วนรวมไม่ได้ ฉะนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จึงได้มอบแนวทางให้พรรคในการกำหนดนโยบายต่างๆ คือ จะต้องไม่กระทบระเบียบวินัยการเงินการคลัง และไม่กระทบงบประมาณ รวมถึงถ้าเป็นไปได้ให้คงงบประมาณเดิม หรือถ้าจำเป็นต้องเพิ่มก็อย่ามาก และอย่าให้กระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ เพราะเรื่องเหล่านี้เป็นพื้นฐานของประเทศในอนาคต" นายพีระพันธุ์ กล่าว
ส่วนที่มีบางพรรคการเมืองออกนโยบายสุดโต่งนั้น นายพีระพันธุ์ เชื่อว่าแต่ละพรรคมีวิธีการที่แตกต่างกันไป แต่พรรครวมไทยสร้างชาติจะไม่ใช้วิธีการแบบนั้น ซึ่งต้องแล้วแต่ประชาชนจะพิจารณาว่าสุดท้ายแล้วผลกระทบต่อประเทศจะเป็นอย่างไร
สำหรับนโยบายเงินดิจิทัลของพรรคเพื่อไทย อาจส่งผลกระทบให้ต้องยกเลิกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน) หรือต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งนั้น นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ประชาชนต้องพิจารณา ซึ่งจะมีทั้งได้และเสีย อีกทั้งรูปแบบของเงินดิจิทัล จะกระทบกับความเชื่อมั่นของค่าเงินบาทหรือไม่ ต้องพิจารณาในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
"ไม่ใช่ว่าได้ไปหมด มันมีทั้งได้ และเสีย ไม่ใช่ว่าได้อันนี้แล้วได้ทุกอย่าง เพราะถ้าได้อันนี้มันต้องไปตัดอีกเยอะ ที่สำคัญได้จริงหรือเปล่าก็ไม่ทราบ และรูปแบบของเงินในลักษณะดังกล่าวทำให้กระทบต่อภาวะความเชื่อมั่นระหว่างประเทศ ในเรื่องค่าเงินบาทอะไรต่างๆ ด้วยหรือไม่ อันนี้ต้องพิจารณา ซึ่งก็แล้วแต่พรรค เราไปวิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้ เพราะแต่ละพรรรคก็มีแนวทางของเขา" หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า แม้ผลโพลจะออกมาว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีความนิยมสูงขึ้น แต่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ยังมีคะแนนนิยมสูงเป็นอันดับ 1 นั้น นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ไม่เป็นอะไร ทั้งหมดอยู่ที่การตัดสินใจของประชาชน หน้าที่เราคือทำสิ่งที่ดีที่สุด และเสนอในสิ่งที่คิดว่าดีที่สุดให้กับประชาชนและบ้านเมือง และยืนยันว่าไม่มีการวางแผนจับขั้วล่วงหน้า
"ผมพูดเสมอว่า พรรคที่จะทำงานด้วยกันได้ จะต้องมีหลักการและอุดมการณ์เดียวกัน คือ ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประโยชน์ของประชาชนเท่านั้น จะเป็นพรรคไหนก็แล้วแต่ ถ้าทำงานเพื่อสถาบันหลักของบ้านเมือง ทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองอย่างแท้จริง ก็ทำงานด้วยกันได้" นายพีระพันธุ์ กล่าว
นายธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรค รทสช. ในฐานะประธานคณะทำงานเรื่องการจัดเวทีปราศรัย และประธานคณะสื่อสารและประชาสัมพันธ์ กล่าวถึงการเตรียมลงพื้นที่หาเสียงของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่า หลังจากเทศกาลสงกรานต์แล้ว พรรคจะเดินสายปราศรัยหาเสียงกับประชาชน ซึ่งมีทั้งเวทีหลัก และเวทีรอง
โดยเวทีหลักนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จะนำทีมปราศรัยด้วยตัวเอง นอกจากนั้น บางพื้นที่จะขึ้นรถแห่ ส่วนบางจังหวัดอาจต้องค้างคืน เพราะคิวปราศรัยค่อนข้างแน่น ทั้งนี้ในพื้นที่ภาคใต้ จะไปปราศรัยที่ จ.สุราษฎร์ธานี สงขลา นครศรีธรรมราช พัทลุง ตรัง นราธิวาส ส่วน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น มองว่ามีข้อจำกัดเรื่องความมั่นคง ดังนั้นอาจต้องหาเสียงในช่วงกลางวัน และขึ้นรถแห่
ส่วนของภาคกลาง เช่น กรุงเทพฯ เพชรบุรี ส่วนภาคตะวันออก เช่น ชลบุรี ภาคอีสาน เช่น อุดรธานี อุบลราชธานี ขอนแก่น ภาคเหนือ เช่น พิษณุโลก เชียงใหม่ ซึ่งแต่ละจังหวัดคณะกรรมการภาคเป็นคนเสนอขึ้นมา โดยข้อเสนอทั้งหมด จะได้แจ้งหัวหน้าพรรค เพื่อพิจารณาอีกครั้ง จากนั้นจะหารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ ถึงความเหมาะสมว่าจะลงพื้นที่ใดบ้าง
"นี่เป็นกรอบตารางที่กำหนดเอาไว้คร่าวๆ ซึ่งจากการที่หารือกับแกนนำในแต่ละภาค หลายพื้นที่มีคะแนนนิยมสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะคะแนนในตัวของ พล.อ.ประยุทธ์ เอง แต่ผู้สมัครบางพื้นที่ คะแนนยังไล่ตามพล.อ.ประยุทธ์ไม่ทัน จึงต้องมีการปรับยุทธศาสตร์หาเสียงใหม่ โดยผู้สมัครจะต้องเป็นเนื้อเดียวกับพล.อ.ประยุทธ์ ตลอดจนป้ายหาเสียง โดยเฉพาะพื้นที่ภาคใต้ คะแนนพล.อ.ประยุทธ์ สูงมากจริงๆ จนผู้สมัครเองก็ไม่น่าเชื่อ จึงต้องมีการปรับว่าทำ จะอย่างไรให้ประชาชนเลือกทั้งพรรค และผู้สมัคร" นายธนกร ระบุ
สำหรับความเป็นไปได้ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะขึ้นเวทีดีเบตนั้น นายธนกร กล่าวว่า ได้มีการพูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ ในเรื่องนี้บ้าง แต่อาจต้องดูช่วงโค้งสุดท้าย ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ อาจเปลี่ยนมุมมองได้ ส่วนจะใช้วิธีเหมือน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่เดินสายให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนตามช่องต่างๆ แต่ไม่ขึ้นเวทีดีเบตหรือไม่นั้น ขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนของแต่ละสำนักที่มีการประสานเข้ามาจำนวนมาก โดยคณะทำงานพยายามจัดสรรเวลาให้
นอกจากนี้ ได้มีการเสนอตั้งทีมโฆษกพรรค ซึ่งจะมีทั้งคนรุ่นเก่ารุ่นใหม่ผสมผสานกัน มีความเชี่ยวชาญแต่ละด้าน เช่น ด้านการต่างประเทศ สตรี สังคม