นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) พร้อมด้วย น.ส.เรวดี รัศมิทัต ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และนายจำรัส คำรอด ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ในฐานะคณะทำงานยุทธศาสตร์ด้านอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และ อาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร (อสส.) ร่วมกันแถลงนโยบายยกระดับคุณภาพชีวิต อสม. ว่า จะมีการเสนอกฎหมายจัดตั้ง "สถาบันอาสาสมัครสาธารณสุขแห่งชาติ เพื่อส่งเสริมสุขภาพภาคประชาชน" โดยใช้งบประมาณจากภาษีบาป , ค่าตอบแทนอสม. 2,000 บาท, เจ็บป่วยมีประกัน ชดเชยรายได้ ไม่น้อยกว่าค่าจ้างขั้นต่ำ, เจ็บป่วยมีห้องพิเศษฟรี ค่าอาหารฟรี (โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ใช้บัตรสมาร์ทการ์ด อสม. และอสส. ยื่นใช้สิทธิ , เงินฌาปนกิจสงเคราะห์อสม.แห่งประเทศไทย เสียชีวิตได้ 500,000 บาท , เงินยืมอสม. อสส. ปลอดดอกเบี้ยคนละ 100,000 บาท ผ่านกองทุนเงินออม อสม. และอสส. และจัดตั้งกองทุนเงินออม อสม. และอสส. โดยเงินทุนมาจาก อสม. ส่งเงินเข้ากองทุน 100 บาทต่อเดือน รัฐบาลส่งเงินเข้ากองทุน 100 บาทต่อเดือน
"เงินของนโยบายพรรคที่เกี่ยวกับ อสม. เป็นเงินที่หมุนเวียนในระบบกองทุนของอสม. เราไม่ต้องไปตั้งสกุลเงินใหม่ แต่เงินจะหมุนเวียนอยู่ในระบบอสม. ไม่ต้องใช้งบประมาณประเทศ" นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน กล่าวว่า หากภูมิใจไทยได้กลับไปทำงานจะผลักดันค่าตอบแทน อสม.เป็น 2,000 บาทต่อเดือน และต้องเป็นถาวร ขณะนี้เรื่องอยู่ในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2567 แล้ว
ด้านนายจำรัส กล่าวว่า จะมีการหักเงินจากสมาชิกเดือนละ 100 บาท นำเข้ากองทุน เช่น อสม.จำนวน 1,000,000 คน หักเดือนละ 100 บาท เท่ากับเดือนละ 100,000,000 บาท, ปีละ 1,200,000,000 บาท, วงเงินที่ให้สมาชิกกู้รายละ 100,000 บาท โดยการผ่อนชำระเดือนละ 500 บาท ให้ทายาทที่เป็นผู้รับผลประโยชน์ของ ฌกส.อสม.แห่งประเทศไทย เป็นผู้ค้ำประกัน, สมาชิกที่จะกู้ยืมต้องออมเงินเข้ากองทุนอย่างน้อย 1 ปี จึงจะมีสิทธิ์กู้ยืมได้ตามสิทธิ์, การพิจารณาวงเงินกู้ยืมโดยไม่คิดดอกเบี้ยโดยการพิจารณาจากอายุการเป็นอสม. เช่น เป็นอสม. 30 ปี 20 ปี 10 ปี และคะแนนสะสมผลงานความดีของ อสม.เป็นหลักในการพิจารณา
ขณะที่ น.ส.เรวดี กล่าวว่า เพื่อให้ อสม. และ อสส. ที่มีสมาชิกเป็นจำนวนมากเป็นองค์กรที่มีความเข้มแข็ง และสามารถทำงานได้กับทุกภาคส่วน โดยเฉพาะในเรื่องของการดูแลสุขภาพของประชาชน โดยที่ผ่านมาในองค์กรหรือหน่วยงานที่ทำงานด้านสุขภาพ ประชาชนโดยทั่วไปแล้วมักจะใช้กลไกของ อสม. และอสส. เข้าถึงประชาชนในพื้นที่ จึงเห็นสมควรยกระดับให้เป็น "สถาบัน อสม. แห่งประเทศไทย"