พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการประจำสำนักงาน ผบ.ตร. ในฐานะโฆษกศูนย์รักษาความปลอดภัย และความสงบเรียบร้อยการจัดการเลือกตั้ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศลต.ตร.) เตือนประชาชนห้ามขีดเขียน หรือทำลายป้ายหาเสียงของผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และพรรคการเมือง รวมทั้งการปลดป้ายหาเสียงด้วยตนเอง เพราะอาจมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358 ฐานทำให้เสียทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ล่าสุด ได้รับรายงานจาก สน.ราษฎร์บูรณะ ว่าเมื่อวันที่ 16 เม.ย.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 16.15 น. รับแจ้งจากระบบแจ้งเหตุ 191 ว่ามีการทำลายป้ายหาเสียงบริเวณซอยราษฎร์บูรณะ 22-30 แขวงและเขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพมหานคร จึงเดินทางไปตรวจสอบ เมื่อถึงที่เกิดเหตุพบนายมงคล (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี ยืนโวยวายอยู่บริเวณปากซอยราษฎร์บูรณะ 30 โดยมีชาวบ้านบริเวณใกล้เคียงแจ้งตำรวจว่านายมงคล ซึ่งน่าจะมีอาการทางจิต เป็นผู้ก่อเหตุ โดยปลดป้ายหาเสียงลงมา แต่ยังไม่ทันได้มีการกรีดทำลาย หรือทำให้เสียหายด้วยวิธีอื่นใด
จากการตรวจสอบป้ายที่ถูกปลดลงมามีจำนวน 17 ป้าย แยกเป็นป้ายพรรคพลังธรรมใหม่ 2 ป้าย, ป้ายพรรครวมไทยสร้างชาติ 3 ป้าย, ป้ายพรรคไทยสร้างไทย 2 ป้าย, ป้ายพรรคเสรีรวมไทย 2 ป้าย, ป้ายชาติพัฒนากล้า 2 ป้าย, ป้ายพรรคเพื่อไทย 3 ป้าย และป้ายพรรคพลังประชารัฐ 3 ป้าย
เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวนายมงคล ไปที่ สน.ราษฎร์บูรณะ จากการตรวจสอบชายดังกล่าวมีอาการไม่ปกติ ต่อมาสามารถติดต่อลูกชาย คือนายภารากรณ์ ทางโทรศัพท์ แจ้งว่าพ่อมีอาการทางประสาท ได้หายออกจากบ้านพักอาศัยในจังหวัดราชบุรีมาประมาณ 2 เดือนที่แล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ราษฎร์บูรณะ ได้ประสานตัวแทนพรรคเพื่อแจ้งเหตุในเบื้องต้น แต่ละพรรคไม่ติดใจเนื่องจากผู้ก่อเหตุมีอาการป่วยทางจิต และได้รับป้ายหาเสียงกลับไปเพื่อติดตั้งใหม่ ส่วนนายมงคล ผู้ก่อเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำส่งพนักงานสอบสวน และส่งตัวไปโรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา เพื่อดำเนินการในกระบวนการรักษาอาการป่วยต่อไป
โฆษก ศลต.ตร. กล่าวอีกว่า ศลต.ตร.ได้จัดเตรียมกำลังพลเพื่อดูแลความปลอดภัยในภารกิจต่างๆ เพื่อสนับสนุนการเลือกตั้ง ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ร้องขอ และ ผบ.ตร.ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ พร้อมกำชับให้วางตัวเป็นกลางทางการเมือง
หากประชาชนไม่ได้รับความสะดวก หรือพบเห็นการกระทำความผิด โปรดแจ้งสายด่วน 191 หรือ 1599 หรือสถานีตำรวจในพื้นที่ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง