นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชี้แจงถึงบัตรเลือกตั้งว่า บัตรจะมี 2 ประเภท โดยบัตรเลือกตั้งแบบแบ่งเขต จะเป็นสีม่วง ส่วนบัตรเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ จะเป็นสีเขียว ซึ่งเรื่องของสีบัตรนั้น สาเหตุที่ต้องเป็น 2 สี เพราะ กกต. คำนึงถึงสีที่ต้องไม่ซ้ำกับสีที่พรรคการเมืองใช้ ดังนั้นสีบัตรที่เลือกมา จะไม่มีความเกี่ยวพันกับพรรคการเมืองใด จึงออกมาเป็น 2 สีนี้ คือ สีม่วง และสีเขียว
โดยบัตรเลือกตั้งที่จัดทำขึ้นในครั้งนี้ เป็นลักษณะบัตรที่ทำในลักษณะเดียวกับการเลือกตั้งเมื่อปี 2554 และ 2557 ที่ช่วงนั้นจะมีบัตร 2 ใบ คือ แบบแบ่งเขต และบัญชีรายชื่อ แต่ในครั้งนี้ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ได้มีการแก้ไขใหม่ ซึ่งระบุว่าต้องทำ 2 บัตรให้แตกต่างกัน ดังนั้น กกต.ต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติและข้อกฎหมายที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบัน
สำหรับยอดบัตรเสียที่จะเกิดในการเลือกตั้งครั้งนี้ ตั้งเป้าให้มีบัตรเสียน้อยที่สุด คือไม่เกิน 2% โดยหากมีบัตรเสียเพียง 1%ได้ จะถือว่าดี ในขณะที่การเลือกตั้งครั้งที่แล้ว บัตรเสียอยู่ที่ 4%
"ครั้งนี้มีบัตร 2 ใบ ทางกกต. ก็ตระหนักว่าเป็นความท้าทาย ฉะนั้นกระบวนการที่จะประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบอย่างต่อเนื่องนั้น ก็ต้องทำให้มากยิ่งขึ้น หวังว่าถ้ามีการประชาสัมพันธ์อย่างหนักแน่นแล้ว จะช่วยลดความสับสนและเรื่องบัตรเสียได้ และหน้าหน่วยเลือกตั้ง จะมีบอร์ดประชาสัมพันธ์เป็นข้อมูลเบื้องต้น นอกเหนือจากประวัติของผู้สมัครแล้ว เช่น ข้อควรระวัง ที่ต้องไม่ไปถ่ายรูปบัตรเลือกตั้งที่กาแล้ว อย่านำบัตรเลือกตั้งออกนอกหน่วย อย่าทำให้บัตรชำรุด" นายอิทธิพร กล่าว
ส่วนปัญหาจำนวนผู้ใช้สิทธิกับจำนวนบัตรออกเสียงเลือกตั้งไม่ตรงกัน หรือบัตรเขย่งนั้น นายอิทธิพร กล่าวว่า เป็นเรื่องที่กกต.ให้ความสำคัญ และทราบดีว่าประชาชนให้ความสนใจ ซึ่งกรณีของบัตรเขย่งปี 62 นั้น ตามข้อมูลมี 8 หน่วยเลือกตั้ง จาก 92,320 หน่วย หรือไม่ถึง 0.01%
"เรื่องนี้ เรามีการอบรมกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง (กปน.) อย่างเข้มข้น ว่าสิ่งที่พึงปฏิบัติไม่ให้เกิดบัตรเขย่งทำอย่างไร ตัวอย่างที่ดีมีให้เห็นในครั้งเลือกตั้งกรุงเทพมหานคร ปี 65 ไม่มีบัตรเขย่งเลย ดังนั้น ครั้งนี้เราก็หวังว่าจะไม่มีบัตรเขย่ง หรือถ้ามีก็ให้น้อยที่สุด" ประธาน กกต.ระบุ