พ.ต.ต.ณัฐวัตน์ เสงี่ยมศักดิ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการพรรคการเมือง ปฎิเสธตอบคำถามกรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โพสต์คลิปวิดีความยาว 1.10 นาที ซึ่งอ้างว่าเป็นเทศกาลจ่ายเงินซื้อเสียงเลือกตั้ง ว่า กรณีดังกล่าวอยู่นอกเหนืออำนาจหน้าที่ของตนเอง ซึ่งนายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. ได้มอบหมายให้นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. เป็นผู้ตอบคำถามในเรื่องนี้
แต่ตามขั้นตอนของกฎหมาย หากมีบุคคลใดพบการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง สามารถที่จะยื่นร้องมาที่สำนักงานกกต. หรือ ส่งผ่านแอปพลิเคชั่นตาสับปะรด รวมถึง กกต.จังหวัดได้ เพื่อเข้าสู้กระบวนการสอบสวน ส่วนระยะเวลาการตรวจสอบนั้น ขึ้นอยู่กับความยากง่ายของแต่ละเรื่อง หากไม่ซับซ้อนก็อาจจะเร็ว แต่ถ้าซับซ้อนก็ต้องใช้เวลา
ส่วนกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์เรื่องการช่วยเหลือประชาชนเรื่องค่าไฟฟ้า จะต้องขออนุมัติจาก กกต. เนื่องจากเป็นการใช้งบประมาณในช่วงของการหาเสียงเลือกตั้งนั้น พ.ต.ต.ณัฐวัตน์ ระบุว่า เรื่องดังกล่าวเป็นไปตามกฎหมาย หากเรื่องใดที่คณะรัฐมนตรีรักษาการ จะอนุมัติเกี่ยวกับเรื่องเงิน จะต้องผ่านความเห็นชอบจาก กกต.ก่อน ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอน และ กกต.ก็จะพิจารณา ดังนั้นไม่ได้มีอะไรที่ซับซ้อน
ด้านนายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกกต. กล่าวถึงกรณีรัฐบาลเตรียมทำเรื่องถึงกกต. เพื่อขออนุมัติใช้งบประมาณช่วยเหลือประชาชนจากปัญหาค่าไฟแพงว่า หากเสนอมาก็ต้องนำเข้ากกต. ซึ่งจะมีเกณฑ์การพิจารณาอยู่ ยืนยันว่าไม่เป็นปัญหาต่อกกต.แต่อย่างใดเพราะต้องพิจารณาไปตามกฏเกณฑ์ที่กำหนดไว้
"ไม่คิดว่ากกต.ถูกยืมมือเป็นเครื่องมือใคร แต่กกต.คิดว่าเป็นเรื่องบทบาทหน้าที่ของเราที่ต้องทำ และการตัดสินของเรามีทั้งถูก ทั้งผิด มีทั้งเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย ซึ่งผลจะออกมาเป็นอย่างไร เมื่อเราตัดสินแล้วก็ต้องรับผิดชอบและเราไม่ตัดสินก็ไม่ได้ แต่ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับว่าถ้ามีเหตุผลดีและสนับสนุนคำขอก็ต้องตัดสินว่าให้อนุญาต และเราก็รับผลไปเมื่อมีผู้ไม่เห็นด้วย แต่หากเราเห็นว่าไม่ควรทำเรื่องนี้ในเวลานี้เราก็บอกรัฐบาลว่าไม่ได้"นายอิทธิพร กล่าว
ขณะที่ พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะโฆษกศูนย์รักษาความปลอดภัย และความสงบเรียบร้อยการจัดการเลือกตั้ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศลต.ตร.) เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมา พบการทำลายป้ายหาเสียงเลือกตั้งทั้งหมด 639 ป้าย โดยสามารถแยกออกเป็น 54 คดี ซึ่งมีความคืบหน้าดังนี้
1.มีการดำเนินคดีเสร็จสิ้นไปแล้ว และมีคำพิพากษาของศาลแล้วจำนวน 4 คดี ซึ่งคำพิพากษามีตั้งแต่ให้ลงโทษจำคุก 3 เดือน (ความผิดเสพยาเสพติด จำคุก 1 เดือน + เพิ่มโทษกรณีกระทำผิดซ้ำอีก 1 เดือน และกรณีทำให้เสียทรัพย์ จำคุก 1 เดือน) และมีคำพิพากษาให้จำคุก 2 เดือน โทษจำคุกรอลงอาญาไว้ 1 ปี และปรับเป็นเงินจำนวน 5,000 บาท
2.อยู่ระหว่างการพิจารณาคดีในชั้นศาล จำนวน 1 คดี, แจ้งข้อกล่าวหาแล้วอยู่ระหว่างการรอผลประวัติ และใบรับรองแพทย์เกี่ยวกับอาการทางจิตเพื่อประกอบสำนวนการสอบสวน จำนวน 1 คดี
3.อยู่ระหว่างการสืบสวน จำนวน 27 คดี
4.ไม่ประสงค์ดำเนินคดี ผู้เสียหายมาลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน, ผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์ยอมความในชั้นสอบสวน จำนวน 18 คดี
5.พบปรากฏข่าวในหน้าสื่อโซเชียล หรือโทรทัศน์ เมื่อไปตรวจสอบแล้วเป็นเหตุจากภัยธรรมชาติ, ไม่พบป้ายที่ถูกทำลายนั้นๆ และไม่มีการมาลงประจำวันแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษของผู้เสียหาย จำนวน 3 คดี