นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า (ชพก.) กล่าวว่า จากกรณีมีข่าวว่าคณะอนุกรรมการค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (เอฟที) มีมติเห็นชอบตามที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เสนอขอรับภาระยืดหนี้การชำระค่าไฟฟ้าวงเงิน 130,000 ล้านบาท แทนประชาชนจาก 5 งวด ที่มีการเรียกเก็บค่าเอฟทีทุก 4 เดือน หรือ 20 เดือน จากงวดละ 27,000 ล้านบาท เป็น 6 งวด หรือ 24 เดือน เป็นเหลือเพียงงวดละ 22,000 ล้านบาท ทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยงวดที่ 2 ของปีนี้ (พ.ค.-ส.ค.) ลดลง 7 สตางค์ต่อหน่วย จากเดิมที่ประกาศจัดเก็บ 4.77 บาท เหลือเพียง 4.70 บาทต่อหน่วยนั้น
นายกรณ์ ระบุว่า จากกระแสค่าไฟแพงที่ตนออกมาเรียกร้องเมื่อเดือนมีนาคม จนตอนนี้ปัญหาค่าไฟแพง กลายเป็นประเด็นรุนแรงทั่วโซเชียล จนคณะอนุกรรมการเอฟที มีมติจะเสนอคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (บอร์ด กกพ.) ให้ลดค่าไฟ แต่ตัวเลขที่ลด ถือว่าอยู่ในระดับที่น้อยจนน่าเกลียด
"ขอไม่ใช้คำว่าลด 7 สตางค์ตามข่าว เพราะเดือนนี้จ่ายอยู่ 4.72 บาท เดือนหน้าจ่าย 4.70 บาท นับอย่างไรก็ลด 2 สตางค์ อย่าเอาตัวเลขเดือนหน้า ที่จะขึ้นอย่างไร้เหตุผลเป็น 4.77 บาทมาหลอกกัน เสนอว่ายกเลิกค่าเอฟที 3 เดือนสุดร้อนนี้ ลดไป 93 สตางค์ต่อหน่วย สมมติเราใช้ไฟ 485 หน่วย เราจ่ายค่าไฟเดือนนี้ 2,564.05 บาท ถ้าไม่คิดค่าเอฟที ค่าไฟจะลดเหลือ 2,111.05 บาท ลดไป 453 บาท (485 หน่วย x 0.93 สตางค์) แต่ถ้าลด 2 สตางค์ตามที่ กกพ. กำลังจะเปิดรับความคิดเห็น 485 หน่วย คูณ 0.02 สตางค์ ลดได้ 9.72 บาท ยังไม่ถึงสิบบาทเลย" นายกรณ์ กล่าว
หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวด้วยว่า การแก้ปัญหาแบบขอไปทีเช่นนี้ คือเหตุผลที่เลือกตั้งครั้งนี้ต้องเลือกพรรคที่จริงใจจริงจัง และเสมอต้นเสมอปลายกับการชนกับทุนผูกขาด