คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้มอบนโยบายให้ส่วนงานต่างๆ ของสำนักงาน กกต.ดำเนินการและปฏิบัติภารกิจจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย สุจริต โปร่งใส เที่ยงธรรม และชอบด้วยกฎหมาย ตามอำนาจหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ โดยเฉพาะปัญหาการทุจริตซื้อสิทธิขายเสียง ซึ่งได้แต่งตั้งคณะกรรมการชุดต่างๆ ปฏิบัติหน้าที่ในการสืบสวนหรือไต่สวน ปฏิบัติงานการข่าว ป้องกันและปราบปรามการทุจริต ตลอดทั้งเพิ่มช่องทางการแจ้งเหตุหรือเบาะแสทุจริต รวมถึงการร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อป้องปรามและแก้ไขปัญหาการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง และพรรคการเมือง
โดยสำนักงาน กกต.ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ซึ่งมีอำนาจในการสืบสวนและไต่สวนการร้องคัดค้านการเลือกตั้ง ส.ส.รวม 128 คณะ, แต่งตั้งชุดปฏิบัติการข่าว เพื่อแสวงหาข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์สำหรับการสืบสวนและไต่สวนชุดปฏิบัติการข่าว ส่วนกลางและจังหวัด รวม 88 ชุด และแต่งตั้งชุดเคลื่อนที่เร็ว เพื่อป้องกันและปราบปรามการทุจริต เผชิญเหตุ จับกุม คุมขัง ผู้กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งและพรรคการเมือง จำนวน 400 ชุดครอบคลุมพื้นที่ทั้ง 77 จังหวัด
พร้อมทั้งจัดตั้งศูนย์ประสานงานการสืบสวนและไต่สวน เพื่อรับแจ้งเหตุหรือเบาะแสทุจริต และเป็นศูนย์ประสานงานระหว่างส่วนกลางและจังหวัด ชุดปฏิบัติการข่าว และชุดเคลื่อนที่เร็ว ทั้งนี้ประชาชนยังสามารถแจ้งเหตุผ่านทางหมายเลขโทรศัพท์ 02-141-8579, 02-141-8858 และ 02-141-8860
รวมทั้งรับแจ้งเหตุหรือเบาะแสทุจริตผ่านแอปพลิเคชั่นตาสับปะรด เพื่อให้ประชาชนใช้เป็นช่องทางในการแจ้งเหตุการกระทำความผิดซื้อสิทธิขายเสียง โดยสามารถดาวน์โหลดได้ทั้งระบบ IOS และ Android
นายแสวง บุญมี เลขาธิการกกต. กล่าวว่า สำหรับช่วง 20 วันก่อนเลือกตั้ง เริ่มมีคำร้องเกี่ยวกับการเลือกตั้งเข้ามา ซึ่งอาจทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริตและเที่ยงธรรมทำให้การเลือกตั้งไม่เรียบร้อย
"กรณีที่เป็นข่าวเราได้ตรวจสอบ บางทีเป็นการสร้างคอนเทนท์สร้างความสับสนมี 2-3 แห่งที่ตรวจสอบ เราต้องดำเนินการว่าเรื่องแบบนี้เข้าข่ายผิดกฎหมายอะไรหรือไม่ ส่วนกรณีที่ฝ่าฝืนกระทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริตและเที่ยงธรรม กกต.มีมาตรการร่วมกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเครือข่าย ที่จะทำให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อยจนถึง 14 พ.ค." นายแสวง กล่าว
เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า กกต.มีชุดเคลื่อนที่เร็วของสำนักงาน กกต. ชุดเคลื่อนที่เร็วของตำรวจ ชุดป้องปราม ชุดหาข่าว ผู้ตรวจการเลือกตั้งและภาคประชาชน เข้ามามีส่วนร่วม เชื่อว่าองค์ประกอบนี้จะทำให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มั่นใจด้วยมาตรการเช่นนี้จะสามารถบริหารสถานการจัดการเลือกตั้งได้ถึงวันที่ 14 พ.ค. พร้อมขอบคุณสื่อโซเชียลจากบริษัท ไลน์ ติ๊กต๊อกประเทศไทย เฟซบุ๊ค และกูเกิ้ล ร่วมรณรงค์ประชาสัมพันธ์จัดการเลือกตั้ง ซึ่งตอนนี้พบว่ามีปัญหาเฟคนิวส์น้อยกว่าการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา กรณีการใส่ร้ายป้ายสีพรรคการเมืองและผู้สมัคร ซึ่งถือว่ายังเป็นไปด้วยดี