นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) และนายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรค แถลงภายหลังคณะเอกอัครราชทูตจากกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป (อียู) 15 ประเทศ อาทิ ออสเตรีย เบลเยี่ยม สาธารณรัฐเชค ฝรั่งเศส เยอรมนี สวีเดน ไอร์แลนด์ สเปน และเนเธอร์แลนด์ เป็นต้น เข้าพบเพื่อสอบถามถึงสถานการณ์การเมืองของประเทศไทย
นายอนุทิน กล่าวว่า คณะเอกอัครราชทูตอียู ได้หารือถึงสถานการณ์การเมือง สิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังการเลือกตั้ง ตลอดจนแนวทาง และเจตนารมณ์ของพรรคภูมิใจไทย ที่มีต่อประเทศกลุ่มประชาคมยุโรป ซึ่งเป็นการหารือที่เต็มไปด้วยมิตรภาพ และความเข้าใจ โดยมีการถามถึงความคาดหวังว่าจะต้องมีการช่วยเหลือซึ่งกันและกันอย่างไรบ้าง
นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตจากอียู ยังถามถึงท่าทีของพรรคภูมิใจไทยหลังการเลือกตั้ง โดยตนยืนยันว่า พรรคยังไม่ได้พูดคุยกับใครในการกำหนดทิศทางทางการเมือง พรรคจะยึดมั่นในกติกาทางการเมืองที่เป็นสากล โดยย้ำว่าพรรคที่ได้คะแนนเสียงเป็นลำดับแรก จะต้องได้จัดตั้งรัฐบาลก่อน ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามวิถีทางประชาธิปไตย
เอกอัครราชทูตอียู ได้สอบถามถึงโอกาสที่จะมีการยุบพรรคการเมืองด้วย ซึ่งนายอนุทิน ชี้แจงว่า การยุบพรรคไม่ใช่การแก้ปัญหา ไม่ใช่คำตอบสุดท้าย กลับจะยิ่งทำให้เกิดการแตกแยกมากขึ้น เมื่อมีการยุบพรรค สิ่งที่จะสิ้นสภาพไป คือพรรคการเมืองและผู้บริหารพรรค แต่สมาชิกพรรคไม่ได้สิ้นสภาพไปด้วย โดยสามารถไปหาพรรคใหม่สังกัดได้
"ทูตอียูสอบถามว่า ได้ข่าวจะมีการยุบพรรค ผมจึงบอกว่าไปดูพรรคที่ถูกยุบ ยิ่งใหญ่ขึ้นทุกวัน เวลายุบพรรคคนสิ้นสภาพคือพรรคและผู้บริหาร ส่วนสมาชิกไปหาพรรคใหม่สังกัดได้ไม่ได้สิ้นสภาพไปด้วย มันไม่ได้เป็นการแก้ไขปัญหา ตรงกันข้าม จะยิ่งเป็นการขยายความแตกแยก ผมก็เคยเป็นสมาชิกบ้านเลขที่ 111 มาแล้ว สมัยเป็นกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย แต่ต่อให้ทำลายบุคคลได้ก็ยังมีคนร่วมแนวทางเดียวกันสืบสานงานต่อไปได้ ดังนั้น การยุบพรรคไม่ได้เป็นคำตอบสุดท้าย" นายอนุทิน กล่าว
พร้อมระบุว่า พรรคภูมิใจไทย ได้แสดงจุดยืนเทิดทูนสถาบัน โดยจะไม่ร่วมงานทางการเมืองกับพรรคที่เสนอแก้มาตรา 112 นี่คือข้อจำกัดเดียวของพรรคภูมิใจไทย และพรรคไม่เอามาตรา 272 เพราะเห็นว่านายกรัฐมนตรี จะต้องมาจากส.ส. และอยู่ในบัญชีแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคการเมืองเท่านั้น
"เราไม่เอากระบวนการที่แฝงอยู่ในประชาธิปไตย แต่ไม่ใช่ประชาธิปไตย" นายอนุทิน ย้ำ
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากพรรคก้าวไกล ไม่แก้มาตรา 112 จะร่วมงานการเมืองด้วยได้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ถึงตอนนั้นค่อยว่ากัน เราไม่ได้บอกว่าเรามีปัญหากับพรรคไหน แต่เราไม่เอาการแก้ไขมาตรา 112 และเงื่อนไขแรกที่พรรคจะคุยในการร่วมรัฐบาล คือจะต้องผลักดันกฎหมายกัญชาในสภาฯ ชุดที่จะมาถึงนี้
นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า มีทูตบางประเทศได้สอบถามเรื่องนโยบายกัญชา ซึ่งได้ยืนยันไปว่า นโยบายทำสำเร็จแล้ว คือการปลดล็อกออกจากพืชยาเสพติด และใช้กฎหมายของกระทรวงสาธารณสุขควบคุมป้องกันไม่ให้ใช้ในทางที่ผิด และหากกลับเข้าสภาฯ จะเร่งผลักดันกฎหมายที่ค้างอยู่ให้สำเร็จ ซึ่งร่างพ.ร.บ.กัญชา กัญชง ไม่ได้ตกไป แต่ค้างอยู่ พรรคภูมิใจไทย จะนำร่างกฎหมายนี้เข้าสู่กระบวนการเสนอกฎหมายตามขั้นตอนของสภาฯ ต่อไป