พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรครวมไทยสร้างชาติ นำแกนนำพรรคร่วมแถลงเปิดนโยบายหาเสียง ภายใต้หัวข้อ "ประชาชนจะได้อะไรจากนโยบายพรรครวมไทยสร้างชาติ" โดยมีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค, นายจุติ ไกรฤกษ์ รองหัวหน้าพรรค, นายสุชาติ ชมกลิ่น รองหัวหน้าพรรค, นายอนุชา นาคาศัย รองหัวหน้าพรรค, นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค, นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ที่ปรึกษาทีมเศรษฐกิจ, และ พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ประธานคณะกรรมการด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต ร่วมแถลงนานกว่า 2 ชั่วโมง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สิ่งที่พูดวันนี้ เป็นสิ่งที่เราได้ทำมาแล้วหลายปี หลายอย่างสำเร็จ หลายอย่างยังไม่สำเร็จ และหลายอย่างอยู่ระหว่างการดำเนินการ ซึ่งมีอุปสรรคมากมาย ในส่วนของพรรคทำแบบมีระบบมีวิธีคิด คำนึงถึงทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง ไม่ใช่พูดแล้วไม่มีวิธีการทำ หลายพรรคพูดถึงนโยบาย แต่ตนจะไม่ไปแตะต้องใครทั้งสิ้น แต่นโยบายต้องคิดให้รอบคอบ ต้องมีคำตอบ ผลที่ต้องการได้คืออะไร ผลบรรลุคืออะไร มีต้นทุนอย่างไร ไม่ใช่นโยบายออกไปแล้ว หาเงินไม่ได้ มีผลด้านเดียว
พร้อมมองว่า การที่มีรัฐบาลผสมหลายพรรค เมื่อตั้งรัฐบาลแล้ว แต่ละพรรคต่างก็มีนโยบายของตัวเอง คำนึงถึงนโยบายของพรรคตัวเอง ซึ่งทำให้มีปัญหา เปรียบเหมือนนักฟุตบอลต่างสโมสร พอมาเล่นทีมชาติ ก็มีปัญหา ซึ่งที่ผ่านมา ตนได้ขอร้องให้ทุกคนมองถึงนโยบายของรัฐบาลด้วย เพราะเป็นนโยบายภาพรวม
"อยากให้นโยบายเรา เป็นพรรคที่เรียกว่าเป็นพรรคหลักในอนาคต ถ้าเราสามารถจะเข้ามาในสภาฯ ได้มาก เราก็สามารถดำเนินการตรงนี้ให้ดีขึ้นกว่าเดิม" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า นโยบายที่แถลง จะเกี่ยวข้องกับปากท้องและความเป็นอยู่ของประชาชน หลายเรื่องเป็นนโยบายที่ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ นโยบายใน 1 ปี จะค่อยๆ ปล่อยออกไป แต่ก็ขึ้นอยู่กับอายุรัฐบาลด้วย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สิ่งเหล่านี้เป็นนโยบายที่เกิดขึ้นได้จริง มีการหาข้อมูลสำรวจเป็นข้อมูลจากหลายภาคส่วน และมาช่วยกันดูที่ใช้วิธีการอย่างไร และจะใช้งบประมาณเท่าใด มีเงินหรือไม่ และจะหาเงินอย่างไร มาจากที่ไหน พร้อมยืนยันว่านโยบายที่แถลงในวันนี้สามารถทำได้อย่างแน่นอน แต่สิ่งสำคัญคือจะทำอย่างไร ให้ประเทศที่มีรายได้ 4 ล้านล้านบาท เพื่อที่จะสามารถดูแลคนได้ทุกกลุ่มทุกเป้าหมาย ทำให้เขามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ขณะที่การแถลงข่าว บรรดาแกนนำต่างยืนยัน โดยนายสุชาติ ย้ำว่าทุกนโยบายถ้ารวมไทยสร้างชาติได้เป็นแกนนำรัฐบาล พร้อมทำทันที ขณะที่นายจุติ ยันไม่ใช่นโยบายเหวี่ยงแห ไม่แตะต้องบำเหน็จบำนาญข้าราชการ
สำหรับนโยบายของพรรค รทสช. ที่เปิดวันเดียวกันนี้ 16 นโยบาย ประกอบด้วย
1. เพิ่มรายได้ประเทศไทยปีละ 4 ล้านล้านบาท คือ เศรษฐกิจโตปีละ 5% รายได้ต่อคนเพิ่มขึ้นปีละ 20,000 บาท สร้างงานเพิ่ม 6.25 แสนตำแหน่ง
2. เพิ่มศักยภาพประเทศไทย คือพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย ตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ (อีอีซี) และระเบียงเศรษฐกิจใหม่ 4 ภาค รวมถึงเป็นศูนย์กลางภูมิภาคประเทศสู่อาเซียนและจีนตอนใต้ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล สร้างความสัมพันธ์กับประเทศต่างๆ
3. ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยและกระจายเม็ดเงินถึงคนตัวเล็ก คือ ไฟฟ้าราคาถูกสำหรับผู้มีรายได้น้อย คนละครึ่งภาค 2 ,เที่ยวด้วยกันเมืองรองภาค 2 เพิ่มเงินสมทบของรัฐให้แรงงานในระบบประกันสังคมมีรายได้ไม่ต่ำกว่า เพิ่มเงินสมทบของรัฐให้แรงงานในระบบประกันสังคมมีรายได้ไม่ต่ำกว่าคนละ 10,000 บาทต่อเดือน
4. กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ช่วยเหลือเกษตรกรและชาวประมง คือ นำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปเสรีเพื่อลดราคาน้ำมัน โครงการโคล้านครอบครัว ในปีแรกจะมีโค 4 ตัว ปีที่ 2 กลายเป็นโค 6 ตัว ปีที่ 3 จะกลายเป็นโค 10 ตัว นี่คือโครงการที่จะทำให้ประชาชนจับเงินแสนได้ด้วยวิธีง่าย ๆ แต่ถ้าอยากจับเงินล้าน เลี้ยงโคไปถึง 6 ปี จะมีโคทั้งสิ้น 42 ตัว จะเป็นเงิน 1,050,000 บาท, ลดต้นทุนเกษตรกรช่วยค่าเก็บเกี่ยวไร่ละ 2,000 บาท ไม่เกิน 5 ไร่ ปุ๋ย ไฟฟ้า น้ำมัน และน้ำมันราคาถูกสำหรับเกษตรกร และแก้กฎหมายประมงดูแลประมงพื้นบ้าน ปรับการทำงานของหน่วยงานของรัฐให้เป็นธรรม
5. สร้างโอกาสให้คนตัวเล็กด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล คือ เน็ตประชารัฐ พร้อมเพย์ แอปเป๋าตัง, แอปถุงเงิน แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ดาต้าเซ็นเตอร์ ระบบคลาวด์
6. แก้หนี้ คือ แช่แข็งหนี้สูงสุด 3 ปี ตามเงื่อนไขโครงการแก้กฎหมายเครดิตบูโร ให้ความเป็นธรรมแก่ลูกหนี้ แก้หนี้นอกระบบ และมีที่พึ่งยามยาก ด้วย "กองทุนฉุกเฉินประชาชน" 3 หมื่นล้านบาท, สมาชิกสหกรณ์ใช้หุ้นสหกรณ์ชำระหนี้สหกรณ์ได้ และใช้เป็นหลักประกันเงินกู้ข้ามเขตสหกรณ์ได้ , แก้หนี้โควิดจบใน 12 ปี และแก้หนี้ กยศ. แก้หนี้กองทุนหมู่บ้าน และหนี้ภาครัฐด้วยงาน
7. กองทุนฉุกเฉินประชาชน วงเงิน 30,000 ล้านบาท เป็นที่พึ่งยามลำบากให้ประชาชนปลดพันธนาการเงินนอกระบบ
8. ประกันสังคมทั่วหน้าทุกอาชีพ คืนเงินสะสมชราภาพ 30% ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ผู้ประกันตนสามารถนำเงินสะสมมาใช้ก่อนยามจำเป็น ซึ่งเงินในส่วนนี้ไม่ใช่งบประมาณแผ่นดิน แต่เป็นเงินของกองทุนประกันสังคม พร้อมทั้งเพิ่มเงินชราภาพ อายุ 55 ปี เป็น 10,000 บาท เพิ่มสิทธิด้านเงินดูแลบุตรให้แก่ผู้ประกันตนสูงถึง 1,000 บาท ตั้งแต่เกิดจนถึงอายุ 10 ปี ให้เงินเกษียณอายุ 55 ปี 10,000 บาท เพื่อเพิ่มความมั่นคงหลังเกษียณให้มีเงินเพียงพอต่อค่าครองชีพในปัจจุบัน ปีแรก 28,597 ล้านบาท ปีต่อไปเพิ่มขึ้นปีละประมาณ 20%
9. เข้าถึงบริการด้านสาธารณสุข 1 อำเภอ (เขต) 1 โรงพยาบาลวิสาหกิจเพื่อสังคม 1 ศูนย์ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ป่วยโรคร้ายระยะสุดท้าย
10. ดูแลกลุ่มเปราะบาง เบี้ยผู้สูงอายุคนละ 1,000 บาทเท่ากัน ทุกช่วงของอายุ, เพิ่มเงินช่วยดูแลบุตรแรกเกิดถึง 10 ปี จากเดิม 800 บาท เป็นเดือนละ 1,000 บาท จากเดิม 800 บาท (สำหรับแรงงานในระบบประกันสังคม) มีประมาณ 12 ล้านคน
11. ลดค่าครองชีพ นำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปเสรี ไฟฟ้าราคาถูกสำหรับเกษตรกร และผู้มีรายได้น้อย โครงการแท็กซี่เพื่อสังคม ลดหย่อนภาษีค่ารักษาพยาบาลตนเอง และพ่อแม่สูงสุด 60,000 บาท และออมเงิน พร้อมหักลดหย่อนภาษีด้วยกองทุน LTF
12. บัตรสวัสดิการพลัส เพิ่มสิทธิเดือนละ 1,000 บาท/คน กู้ฉุกเฉิน 10,000 บาท/คน
13. สร้างโอกาสเด็กไทย อยากเรียนอะไรต้องได้เรียน ทุนการศึกษาอาชีวะ 100 ทุนต่อ 1 อำเภอ (เขต) ทุนละ 10,000 บาท โครงการเรียนจบมีงานทำ
14. รื้อกฎหมายที่เป็นอุปสรรคการทำกิน แก้กฎหมายได้ที่ทำกิน, พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ความสะดวกลดขั้นตอนทางกฎหมาย 1,100 ขั้นตอน
15.ลดฝุ่น PM 2.5 ตั้งศูนย์บัญชาการแก้ปัญหามลภาวะเป็นพิษ แบบ Single Command รวม PM 2.5, เพิ่มรถเมล์ไฟฟ้า ,ส่งเสริมรถอีวี ใช้มาตรฐานยูโร 5 กับรถใหม่ตั้งแต่ 1 ม.ค. 67 และเพิ่มการใช้พลังงานสะอาด 50%
16.พัฒนาที่อยู่อาศัย ต่อยอดโครงการ "บ้านสุขประชา" มีบ้านมีงานทำ, สินเชื่อบ้านล้านหลังสำหรับผู้มีรายได้น้อย เฟสที่ 3 บ้านมั่นคงริมคลองเปรมประชากร ฟื้นฟูแฟลตดินแดง เฟส 2
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนโยบายที่ "พร้อมทำ" ได้ทันที มี 10 นโยบาย ประกอบด้วย 1.เพิ่มสิทธิบัตรสวัสดิการพลัส เพิ่มสิทธิ์เดือนละ 1,000 บาท/คน กู้ฉุกเฉิน 10,000 บาท/คน 2.ตั้งกองทุนฉุกเฉินประชาชน วงเงิน 30,000 ล้านบาท 3.คืนเงิน 30% เงินสะสมชราภาพผู้ประกันตน มาตรา 33 4.แก้หนี้ แช่แข็งหนี้ ปลดหนี้ด้วยงาน 5.รื้อกฎหมาย ที่รังแกประชาชนและที่เป็นอุปสรรคการทำกิน
6.ลดหย่อนภาษี ค่ารักษาพยาบาลตนเอง และพ่อแม่รวมสูงสุด 60,000 บาท 7.เบี้ยตอบแทน อปพร. คนละ 1,000 บาท/เดือน 8.ออมเงิน พร้อมลดหย่อนภาษีด้วยกองทุน LTF 9.ลดต้นทุนเกษตรกร ปุ๋ย น้ำมัน ไฟฟ้าราคาถูก และ 10.ไม่เลิกเงินบำนาญ ให้ข้าราชการเลิกเงินสมทบ กบข.ได้ก่อน 30%