นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กางโรดแมพ 100 วันแรกปัญหาเศรษฐกิจหากได้รับเลือกตั้งเข้าไปจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งจะใช้แนวทางการบริหารงานที่ไม่ต้องใช้งบประมาณใหม่เลย ภายใต้กรอบ "การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต"
ในส่วน" ปากท้องดี" ประกอบด้วย 1.แก้ปัญหาปากท้อง เพิ่มค่าแรงขั้นต่ำทันที 450 บาท/วัน, แก้สูตรค่าไฟฟ้า ลดได้ 70 สตางค์/หน่วย, ช่วยเอสเอ็มอีจ่ายประกันสังคม 6 เดือน
2.ปลดล็อกเศรษฐกิจ ได้แก่ สุราก้าวหน้า, ออกโฉนดนิคมสหกรณ์ 1.5 ล้านไร่ และนิคมสร้างตนเอง 5 ล้านไร่, เปิดเสรีโซลาร์เซลล์
3.การกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ได้แก่ หวยใบเสร็จ, เปิดการเจรจาลงทุนเป้าหมายที่มีกองทุนเหลืออยู่ราว 1 หมื่นล้านบาท
สำหรับการสร้าง "การเมืองดี" ประกอบด้วย นับหนึ่งรัฐธรรมนูญใหม่ทันที ด้วยการเสนอทำประชามติ การเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้มีการทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ. ให้มี สสร. ที่มาจากการเลือกตั้งโดยประชาชนทั้งหมด, การทบทวนคดีการเมือง การนิรโทษกรรมคดีการเมือง, การเปิดเผยข้อมูลงบประมาณ, AI จับโกง, กำหนดข้อห้ามใช้งบประชาสัมพันธ์ตัวเอง, นำกฎหมายสมรสเท่าเทียมขึ้นมาพิจารณาต่อ
ส่วน "มีอนาคต" ประกอบด้วย การปฏิวัติการศึกษา เลิกให้ครูนอนเวร ลดงานธุรการ, คืนศักดิ์ศรีไทยในเวทีโลก เช่น การแก้ปัญหาความขัดแย้งในเมียนมา, สุขภาพดีทั้งกายและใจ บริจาคอวัยวะเชิงรุก ลด PM2.5 เพิ่มมาตรการตรวจคัดกรองมะเร็งตามเกณฑ์อายุ
ส่วนแผนงานใน 1 ปีแรก นายพิธา กล่าวว่า จะใช้งบประมาณราว 1.2 แสนล้านบาท ซึ่งมาจากการปรับรื้องบประมาณ 2 แสนล้านบาท การเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีและแหล่งรายได้ใหม่ 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะนำไปใช้แก้ปัญหาด้านแรงงาน 1.6 หมื่นล้านบาท ด้านเกษตรกร 1.4 หมื่นล้านบาท ด้านสวัสดิการ 1.5 แสนล้านบาท ด้านบริการและสาธารณะ 1.75 หมื่นล้านบาท ด้านการศึกษา 1.5 หมื่นล้านบาท ด้านสุขภาพ 3 พันล้านบาท และด้านเศรษฐกิจ 2 พันล้านบาท
รวมทั้งในช่วงปีแรกนั้นจะมีการเสนอให้ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรแก้ไขกฎหมายทันที 45 ฉบับ ได้แก่ พ.ร.บ.รับราชการทหาร (ยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร) พ.ร.บ.ความมุ่นคง (ยุบ กอ.รมน.) ประมวลกฎหมายอาญา (หมิ่นประมาท ม.112 ม.116) ปฏิรูปกฎหมายที่ดิน 8 ฉบับ น้ำประปาดื่มได้ การทลายปัญหาทุนผูกขาด, ปลดล็อกเลือกตั้งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ, ฟื้นคดีสลายม็อบเมื่อปี 53
"สามเรื่องสำคัญในปีแรก คือ การปลดล็อกเลือกตั้งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ, ยกเลิกเกณฑ์ทหาร และรื้อฟื้นคดีสลายการชุมนุมเมื่อปี 53 ที่จะทำให้ก้าวข้ามไปสู่ความปรองดองได้จริงๆ" นายพิธา กล่าว
ในช่วงสมัยแรก 4 ปี สิ่งที่ประชาชนจะได้คือ 300 นโยบายของพรรคก้าวไกลที่จะเข้าไปเปลี่ยนประเทศ ไม่ว่าจะเป็นได้รัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ ยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร เลือกตั้งผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด จบการปฏิรูปที่ดินคืนที่ดินให้ประชาชน ตำรวจอยู่ข้างประชาชน รัฐโปร่งใสไร้กลโกง สวัสดิการลดเหลื่อมล้ำ รถเมล์ไฟฟ้าทุกจังหวัด ปฏิวัติการศึกษา ขึ้นค่าแรง เอาจริงกับโลกร้อน หวยใบเสร็จช่วย SME สุขภาพดีทั้งกาย-ใจ สร้างงานซ่อมประเทศ ลดค่าไฟทันที 70 สตางค์
นายพิธา กล่าวว่า พรรคก้าวไกลมีแผนงาน เป้าหมาย และการเตรียมร่างกฎหมายที่ชัดเจน เราเชื่อว่าทุกการเลือกตั้งคือโอกาสในการสร้างการเปลี่ยนแปลง
นายพิธา กล่าวว่า พรรคขยับเป้าจำนวน ส.ส.ที่จะได้รับเลือกตั้งในครั้งนี้อยู่ที่ 150-160 คน โดยประเมินจากฐานเสียงในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ทั้งในส่วนที่ได้รับเลือกเป็น ส.ส.หรือมีคะแนนแพ้คู่แข่งไม่มาก ขณะที่บางพื้นที่มีฐานเสียงเพิ่มมากขึ้นจากการเลือกตั้งท้องถิ่น
"ปรับขึ้นเป็นสามหลัก แต่ไม่ได้ปรับขึ้นแบบลอยๆ มาจากกระดานการเมืองที่คิดไว้จากการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว รักษาเขตเดิมไว้เท่าไหร่ เพิ่มเติมเขตใหม่เท่าไหร่ ซึ่งครั้งที่แล้วคะแนนแพ้ไปแค่หลักร้อยหลักพัน เมื่อรวมกันแล้วประมาณ 150-160 เขต ทีนี้ก็ขึ้นอยู่ที่ว่าจะได้ครึ่งหนึ่งของกระดานการเมือง หรือ 70% ของกระดานการเมือง ก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยว่าเราทำดีในช่วงโค้งสุดท้ายเท่าไหร่ ประชาชนออกมาใช้สิทธิเยอะขนาดไหน" นายพิธา กล่าว