นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ยื่นหนังสือต่อประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กรณีผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งที่ 2 จ.นครนายก ไม่ประกาศชื่อให้เป็นผู้สมัคร ส.ส. เนื่องจากมีลักษณะต้องห้ามในการลงรับสมัครรับเลือกตั้ง ตามมาตรา 42(3) พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. 2561 กรณีถือหุ้นสื่อ
นายชาญชัย กล่าวว่า ต้องการได้ความชัดเจนในเรื่องนี้จาก กกต. เนื่องจากในการเลือกตั้งปี 2562 นายอิทธิพร บุญประคองประธาน กกต. ได้ลงนามรับรองให้ตนเป็นผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อของพรรคประชาธิปัตย์ แต่ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ตนลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขต ซึ่ง ผอ.กกต. ประจำเขตเลือกตั้งที่ 2 จ.นครนายก กลับไม่ประกาศชื่อให้ตนเป็นผู้สมัคร
ซึ่งในข้อเท็จจริงนั้น ตนถือหุ้น บมจ.แอดวานซ์อินโฟร์เซอร์วิส (ADVANC) หรือเอไอเอส จำนวน 200 หุ้นนี้มาตั้งแต่ปี 58 จนถึงปัจจุบันแล้ว ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด ดังนั้น จึงต้องการให้กกต.ชี้แจงก่อนการเลือกตั้งภายในวันที่ 14 พ.ค. เนื่องจากได้รับความเสียหายจากการถูกตัดสิทธิในครั้งนี้
พร้อมระบุด้วยว่า ได้รวบรวมข้อมูลเพื่อที่จะชี้แจงต่อศาล ในการพิสูจน์ความหมายของคำว่า "สื่อ" และผลการตรวจสอบใบอนุญาตของเอไอเอส จากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ที่ไม่พบว่าเอไอเอสมีการถือหุ้นสื่อโทรทัศน์ หรือหนังสือพิมพ์แต่อย่างใด แต่เป็นเพียงการประกอบกิจการโทรคมนาคมเท่านั้น
"อยากทราบถึงการทำงานของ กกต.ที่ขัดแย้งกัน ทั้งที่เป็นกฎหมายฉบับเดียวกัน เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ องค์กรเดียวกันแต่ทำไมจึงมีมาตรฐานต่างกัน อย่าลืมว่า การที่ กกต.ออกคำสั่งมิชอบเมื่อการเลือกตั้งปี 2562 นายสุรพล เกียรติไชยากร ผู้สมัครส.ส.พรรคเพื่อไทย จ.เชียงใหม่ ได้ฟ้องร้องให้กกต. ต้องชดใช้ความเสียหายมูลค่า 60 ล้านบาทไม่รวมดอกเบี้ย ซึ่งก็เป็นเงินภาษีจากประชาชน จึงอยากให้ กกต.ตรวจสอบอย่างรอบคอบ" นายชาญชัย กล่าว