นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้ายื่นคำร้องต่อสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อขอให้ตรวจสอบกรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรืออุ๊งอิ๊ง หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ในฐานะแคนดิเดตเพื่อไทย มีคุณสมบัติขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่
เนื่องจากพรรคเพื่อไทย ได้เสนอแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีต่อ กกต. เมื่อวันที่ 5 เม.ย.66 จำนวน 3 คน โดยหนึ่งในนั้น คือน.ส.แพทองธาร ซึ่งจากการตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามตาม มาตรา 98 (2) ประกอบมาตรา 160 (6) และ มาตรา 98 (3) ระบุไว้ชัดเจนว่าบุคคลที่เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ เป็นลักษณะต้องห้ามที่พรรคการเมืองจะมีมติว่าจะเสนอให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 88 มิได้
ทั้งนี้ น.ส.แพทองธาร ยังถือหุ้นอยู่ใน บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์เปอร์เรชั่น (SC) จำนวน 1,216,149,807 หุ้น ซึ่งเป็นบริษัทที่แจ้งวัตถุประสงค์จดทะเบียนบริษัททั้งหมด 39 ข้อ มี 5 ข้อที่อาจเข้าข่ายเป็นกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ อาทิ ประกอบกิจการเกี่ยวกับการจัดทำ จัดพิมพ์เอกสารใดๆ ประกอบกิจการโฆษณา,ประกอบกิจการจัดสร้าง จัดจำหน่ายภาพยนต์,ประกอบธุรกิจด้านบันเทิง และโฆษณา ทุกชนิด ทุกประเภท,ประกอบธุรกิจ และธุรกรรมทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ทุกประเภท
"เราไม่แน่ใจว่า การระบุวัตถุประสงค์ในหนังสือบริคณห์สนธิ หรือเอกสารที่จดแจ้งกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ จะถือว่าเป็นเจ้าของกิจการในสื่อ หนังสือพิมพ์ หรือสื่อมวลชนใดๆ ตามที่กฎหมายได้ระบุห้ามไว้หรือไม่" นายศรีสุวรรณ ระบุ
ดังนั้น สมาคมฯ จึงนำคำร้องยื่นต่อ กกต.เพื่อขอให้ไต่สวน สอบสวนว่าการที่น.ส.แพทองธาร ในกรณีดังกล่าว ซึ่งหาก กกต.วินิจฉัยให้ น.ส.แพทองธาร ขาดคุณสมบัติจะมีผลให้พรรคต้องตัดสิทธิการเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของน.ส.แพทองธาร จะทำให้พรรคเหลือแคนดิเดตนายกฯ แค่ 2 คน
ขณะที่ น.ส.แพทองธาร จะต้องได้รับโทษตามกฎหมายอาญา ฐานแจ้งความเท็จต่อ กกต. เพราะตามรัฐธรรมนูญมาตรา 88 มาตรา 89 กำหนดไว้ว่าผู้ที่ถูกเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคการเมืองจะต้องเซ็นยินยอมด้วย ซึ่งจะทำให้มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137 ต้องระวางโทษไม่เกิน 6 เดือน และปรับไม่เกิน 10,000 บาท และกรรมการบริหารพรรคอาจจะต้องรับผิดชอบในฐานะเป็นผู้ที่เสนอชื่อน.ส.แพทองธาร มีโทษกำหนดไว้ใน พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง