แกนนำพรรคการเมืองร่วมเวทีแสดงวิสัยทัศน์และสัญญาประชาคมในโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง "สงคราม 9 พรรค...THE LAST WAR"
นายวราวุธ ศิลปอาชา แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า เงื่อนไขในการร่วมรัฐบาล ได้แก่ การเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญภายใน 90 วันด้วย ส.ส.ร.เหมือนการยกร่างรัฐธรรมนูญเมื่อปี 2540 และแนวคิดในการพัฒนาอย่างยั่งยืน ไม่เน้นประชานิยม
สำหรับนโยบายของพรรคชาติไทยพัฒนามาจากความคิดเห็นของประชาชนทุกวัย และเชื่อว่าความมั่งคั่งในประเทศจะเป็นโอกาสและความหวังของประชาชน อีกทั้งเปิดโอกาสให้คนที่มีความรู้ความสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ เช่น ปราชญ์ชาวบ้านด้านการเกษตร
นายวราวุธ ยกตัวอย่างว่า พรรคมีนโยบายสนับสนุนให้มีการขุดบ่อบาดาลเพราะเชื่อว่าในอนาคตจะมีปัญหาเรื่องภัยแล้ง, การปฏิรูประบบราชการเพื่อลดขั้นตอนให้เกิดความรวดเร็ว, การแก้ปัญหา PM2.5 ที่ไทยต้องมีบทบาทในเวทีโลก
ขณะที่นายเกียรติ สิทธีอมร ตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ไม่สนับสนุนการแก้มาตรา 112 ซึ่งไม่อยากให้นำมาใช้หาเสียงเพราะสร้างความแตกแยก
ส่วนการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจนั้นจะเป็นการต่อยอดจากนโยบายเดิม เช่น การยกระดับสินค้าเกษตรจากเดิมที่ส่งออกเป็นวัตถุดิบ แต่ผลิตเป็นสินค้าเพื่อเพิ่มมูลค่า, การรื้อฟื้นเอฟทีเอกับอียู ส่วนงบประมาณที่นำมาใช้จะเกลี่ยจากงบประมาณที่มีอยู่ราว 1 ล้านล้านบาท
ส่วนผลโพลที่ออกมานั้นมีความแตกต่างกันไป พรรคก็พยามทำอย่างเต็มที่ และคิดว่านโยบายที่ออกมาจะตอบโดนใจของประชาชน ไม่ใช้นโยบายประชานิยมแบบสุดโต่ง
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธฺ์ ตัวแทนพรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า ไม่สนับสนุนเผด็จการ และขอปิดสวิตซ์รัฐประหารด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หากใครทำรัฐประหารจะต้องได้รับโทษ
ส่วนนโยบายของพรรคนั้นมุ่งปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน และสู้เพื่อคนตัวเล็ก SME ที่มีอยู่กว่า 3 ล้านรายให้มีโอกาสแข็งแรง ซึ่งจะช่วยสร้างงานได้ 17 ล้านคน
นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ตัวแทนพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคมียุทธศาสตร์ทวงคืนประชาธิปไตยอย่างสันติวิธี ขั้นที่หนึ่ง ฝ่ายประชาธิปไตยต้องเอาชนะการเลือกตั้ง ซึ่งพรรคมั่นใจว่าจะได้คะแนนเกินครึ่งหนึ่ง เพื่อปกป้องไม่ให้มีการตั้งรัฐบาลจากเสียงข้างน้อย พรรคเสนอนโยบายตอบโจทย์ทุกกลุ่มด้วยการสร้างรายได้ให้ครัวเรือนมีรายได้ 2 แสนบาทต่อปี และนโยบายการเติมเงินดิจิทัล 10,000 บาท เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจทั่วประเทศ และจะหยุดหนี้ ด้วยโครงการพักหนี้เกษตรกร 3 ปี และแก้ปัญหาให้กับ SMEs และปรับลดราคาด้านพลังงาน ซึ่งมีมาตรการที่ชัดเจนในทุกเรื่อง และต้องปรับวิธีคิดจากเกษตรดั้งเดิมเป็นเกษตรก้าวหน้า ด้วยวิธีการตลาดนำนวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้
ทั้งนี้ พรรคจะส่งเสริมเรื่องการท่องเที่ยว ส่วนภาคอุตสาหกรรมต้องปรับเปลี่ยนรัฐที่เป็นอุปสรรค ปรับปรุงกฎหมายให้เป็นตัวสนับสนุนภาคเอกชน ต้องมีการดูแลระบบการศึกษาด้วยการนำดิจิทัลมาใช้ แจกแทปเล็ตฟรี และต้องมีการจัดการปัญหายาเสพติดด้วยการยึดทรัพย์ และปัญหาคอรัปชั่น ด้วยการสร้างรัฐบาลที่โปร่งใสด้วยระบบดิจิทัล และหวังจะเข้าไปแก้รัฐธรรมนูญ 2560 ปิดสวิทซ์ ส.ว.
หากเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยทั้ง 3 คนใครจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น นพ.พรหมมินทร์ กล่าวว่า ทั้ง 3 คนมีประสบการณ์ที่แตกต่างกัน ซึ่งใน 3 คนสามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้ทุกคน
นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ตัวแทนพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า จะนำแนวคิดโคราชโนมิกส์มาใช้ในการพัฒนาภาคอีสาน เพื่อนำยุคทองกลับมาสู่ภาคอีสานอีกครั้ง โดยการสร้างแพลตฟอร์มใหม่ หาจุดแข็งของเราเอง หยุดพึ่งพาคนอื่น ซึ่งหาสามารถเชื่อมโรงรถไฟฟ้ามาถึงจังหวัดหนองคายจะเชื่อมต่อไปยังจีน ที่ขยายเส้นทางไปรัสเซีย ยุโรป และแอฟริกา