นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนที่ 2 ของพรรคเพื่อไทย และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ในประเด็นค่าไฟฟ้า โดยสรุปว่า ในเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ประชาชนอาจมีความกังวลบิลค่าไฟที่แพงขึ้น ประกอบกับค่าพลังงาน ที่ส่งผลต่อค่าครองชีพของภาคธุรกิจที่ต้นทุนสูงขึ้น จากการบริหารพลังงานที่ผิดพลาดของรัฐบาลปัจจุบัน ทำให้ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าพุ่งขึ้นสูง
สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการบริหารพลังงานที่ผิดพลาดของรัฐบาลทำให้ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าพุ่งขึ้นสูง และต้องนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ที่มีราคาสูงเข้ามาใช้ในการผลิตไฟฟ้าเป็นปริมาณมาก ในช่วงเปลี่ยนผ่านสัมปทานการขุดเจาะก๊าซธรรมชาติในพื้นที่อ่าวไทยจาก บริษัท เชฟรอน ทำให้ผลิต LNG น้อยลงกว่าที่เคยทำได้ และต้องนำเข้าในราคาสูงมาใช้ในการผลิตไฟฟ้า รัฐบาลชุดนี้รู้อยู่แล้วแต่กลับไม่ได้เร่งต่อรองกับกัมพูชาเพื่อขุดเจาะก๊าซธรรมชาติในพื้นที่คาบเกี่ยวระหว่างไทย-กัมพูชา
หากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลจะมีการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน ทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยระยะสั้นจะลดราคาค่าไฟทันที และตรึงราคาค่าไฟในระยะยาว ระหว่างนั้นจะเร่งเจรจาแหล่งพลังงานในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทยและกัมพูชา ควบคู่กับเจรจาลดค่าความพร้อมของโรงไฟฟ้าที่สร้างเสร็จแล้วแต่ไม่ได้จ่ายไฟฟ้าด้วย
"ถ้าเรามีโอกาสได้ดำเนินนโยบาย ทุกภาคส่วนจะมีค่าไฟฟ้าที่ลดลง ค่าใช้จ่ายลดลง ประชาชนมีเงินเหลือมากขึ้น เอกชนมีกำไรมากขึ้น สินค้ามีราคาที่ถูกลง ทำให้แข่งขันกับประเทศอื่นทั่วโลกได้ เมื่อรวมเข้ากับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะเสริมกัน ทำให้เศรษฐกิจโตขึ้นตามที่พรรคเพื่อไทยได้ตั้งไว้" นายเศรษฐา กล่าว