นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงการปรับกลยุทธ์หลังผลโพลชี้กระแสพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กำลังมาแรงว่า คงไม่มีอะไรต้องแก้เกม เพราะว่าโพลของพรรคเพื่อไทยกระแสก็มาดี เรายังมั่นใจอยู่ว่าจะได้ ส.ส.เกินครึ่งของสภาฯ ส่วนผลโพลที่ระบุถึงพรรคก้าวไกลนั้นก็เป็นแค่กระแส เพราะเวลาลงพื้นที่โพลของเราก็มี ตนไม่แน่ใจว่าโพลจะมีผลต่อการตัดสินใจของประชาชนหรือไม่ เพราะจะขึ้นอยู่กับพรรคและนโยบายขึ้นอยู่กับผู้นำ
"ขณะนี้ถึงเวลาที่จะมาเล่นๆ กันไม่ได้ เป็นสนามประลองฝีมือ แต่มันคือสนามของคนมีประสบการณ์ เป็นพรรคการเมืองที่มีประวัติศาสตร์มายาวนานว่าสามารถทำนโยบายที่เสนอเป็นจริงได้ ตรงนี้เป็นเรื่องที่เราต้องยอมรับต่อไป อีกทั้งหลายโพลก็สำรวจเพียง 1,000-2,000 ตัวอย่าง เราควรเอาโพลที่สำรวจเป็นแสนคนมาเป็นตัวชี้วัดดีกว่า" นายเศรษฐา ระบุ
แคนดิเดตนายกฯ ยืนยันว่า กระแสของพรรคก้าวไกลยังสู้ฐานเสียงของพรรคเพื่อไทยไม่ได้ เรามั่นใจในฐานเสียงและนโยบายของพรรค เรามั่นใจในความเป็นสถาบันพรรคการเมืองพิสูจน์ให้เห็นว่าเราสามารถทำได้จริง ส่วนจะทำให้พรรคเพื่อไทยแลนด์สไลด์หรือไม่นั้นต้องขึ้นอยู่ว่าแลนด์สไลด์หมายความว่าอะไร แต่ถ้า 200 เสียงกลางๆ ยังเชื่อว่าทำได้อยู่ เรายังคิดว่ามา 280 เสียงอยู่ ตนมั่นใจ แต่ไม่แน่ใจว่าถึง 300 เสียงหรือไม่ ต้องขึ้นอยู่ที่โค้งสุดท้ายเป็นอย่างไร
"ผลโพลเป็นเรื่องของโซเชียลมีเดียส่วนหนึ่ง เพราะโพลสำรวจก็มีแค่ 2,000-2,500 คน ประเทศไทยมีประชากรโหวตได้ 39 ล้านคน ใจเย็นๆ ขอให้รอวันเลือกตั้งวันที่14 พ.ค.นี้ ดูนโยบายเป็นหลักประวัติศาสตร์และการพิสูจน์ฝีมือ ผู้นำที่เคยพิสูจน์ฝีมือมาแล้ว ซึ่งตรงนี้เป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความสำคัญมาตลอด" นายเศรษฐา กล่าว
ส่วนเหตุผลที่โพลเทให้พรรคก้าวไกลไม่น่าจะมาจากแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยยังไม่มีความชัดเจนว่าเลือกแล้วใครจะเป็นนายกฯ แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทยน่าจะเป็นจุดแข็งมากกว่า อีกทั้งพรรคเพื่อไทยก็ยังมีทีมไทยแลนด์ที่แข็งแกร่ง โดยแคนดิเดตนายกฯ ทั้งสามคนมีจุดแข็งที่แตกต่างกัน โดยขอให้ใจเย็นๆ ก่อนรอผลเลือกตั้งก่อน ซึ่ง 1 ใน 3 แคนดิเดตนายกฯ จะมีคนได้เป็นนายกรัฐมนตรี โดยช่วงโค้งสุดท้ายก็จะเน้นนำเสนอนโยบายต่อทุกกลุ่มต่อไป ซึ่งนโยบายที่นำเสนอจะต้องมีความเหมาะสมเมื่อมีการลงพื้นที่ด้วย
ก่อนหน้านี้ นายเศรษฐา ได้กล่าวปราศรัยว่า วันนี้เรามาขอคะแนนเสียงให้เราเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ถ้าเราได้คะแนนเสียงส่วนมาก เราจะนำพรรคที่เห็นด้วยกับนโยบายของพรรคเพื่อไทยมาร่วมรัฐบาล นายกฯ ต้องมาจากพรรคเพื่อไทยเท่านั้น แน่นอนว่าสองลุงไม่ได้อยู่ในคณะรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยแน่นอน
"เราไม่มีพรรคพี่พรรคน้อง ไม่ต้องให้ใครมาบอกว่า ส.ส.เขตให้เขา ส.ส.พรรคให้เพื่อไทย ส.ส.เขตมี 400 คน แล้วแบบนี้พรรคเพื่อไทยจะเป็นรัฐบาลได้อย่างไร เราต้องเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล เรามีนโยบายดีๆ เช่น นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท ที่จะเป็นนโยบายหลัก เราต้องเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ใครจะมาอยู่ร่วมกับรัฐบาลเรา ต้องเห็นด้วยกับนโยบายนี้ ถ้าพี่น้องปันใจให้กับพรรคอื่น เกิดเขามาร่วมรัฐบาล แล้วเขาไม่เห็นด้วยตนจะออกนโยบายเหล่านี้ได้อย่างไร นายเศรษฐา กล่าว
ขณะที่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค พท. ระบุว่า เรายังมั่นใจในแนวทางของพรรคเพื่อไทยอยู่ โพลมีหลายสำนัก โดยโพลภายในพรรคเพื่อไทยก็ยังมีระดับความมั่นใจที่สูงอยู่ ยังแลนด์สไลด์อยู่ สำหรับ จ.นครราชสีมา มี ส.ส. 16 เขต ตามแนวทางที่พรรคเพื่อไทยกำหนดไว้น่าจะได้ ส.ส.เกือบหมดทั้ง 16 เขต เพราะนโยบายของพรรคเพื่อไทยได้รับการตอบรับที่ดีมากทั้งนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท เงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท สิ่งเหล่านี้จะทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้ตัดสินใจ ดังนั้น นโยบายของพรรคเพื่อไทยยังเป็นสิ่งที่ชี้นำในการตัดสินใจของประชาชนได้อยู่
"ในจังหวัดนครราชสีมาเป็นการแข่งขันกันระหว่างพรรคเพื่อไทย พรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทย โดยครั้งนี้พรรคเพื่อไทยมั่นใจในตัวนโยบายและผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย รวมถึงแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย" นายประเสริฐ กล่าว