น.ส.แพทองธาร ชินวัตร และนายเศรษฐา ทวีสิน 2 แคนดิเดทนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย (พท.) ออกรายการไลฟ์สด "หมดเปลือกเพื่อไทย" โดยมีนายคชาภา ตันเจริญ หรือมดดำ เป็นผู้ดำเนินรายการ เพื่อตอบคำถามทุกประเด็นที่ประชาชนคาใจโค้งสุดท้ายหาเสียง โดยในการไลฟ์สดครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมการไลฟ์กว่า 9 แสนคน และมีผู้กดหัวใจทะลุ 1,200,000 ดวง
นายเศรษฐา ได้ตอบคำถามว่าทำไมต้องเลือกพรรคเพื่อไทยว่า เพราะพรรคเพื่อไทยมีอดีตมากมาย ที่พิสูจน์ผลงานและทำได้จริง และผลงานใหม่มีนโยบายที่ดูแลเรื่องปากท้อง อย่างเงินดิจิทัลหมื่นบาท เติมเงิน 2 หมื่นบาท และสิทธิเสรีภาพในเพศสภาพ การเป็นทหาร เราสามารถทำให้ดีขึ้นได้
ขณะที่น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เลือกพรรคเพื่อไทย ไม่ต้องรอลุ้น เลือกเพื่อเปลี่ยนทันที เลือกคนที่ทำงานเป็น ทำมาแล้วในอดีตเคยแก้ปัญหาให้ประเทศมาแล้ว นโยบายเราเป็นนโยบายที่กินได้ โดยสนับสนุนทั้งเรื่องสตาร์ทอัพเรื่องซอฟท์เพาเวอร์ต่างๆเพื่อเพิ่มโอกาสให้กับประชาชนทั้งประเทศ เรื่องยาเสพติดภายในหกเดือนจะหายไปกว่าครึ่งหนึ่งแน่นอน พรรคเพื่อไทยรู้และทำเป็น Best Choice ของประเทศไทยตอนนี้คือพรรคเพื่อไทย
ส่วนใครจะเป็นนายกฯ ระหว่างนายเศรษฐา หรือ น.ส.แพทองธารนั้น น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ที่ผ่านมาพรรคโดนยุบมาหลายรอบ เราโดนรัฐประหาร เรามีบทเรียน ดังนั้นเราจะเสนอแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีคนเดียวไม่ได้ ใครเป็นต้องช่วยกัน ถ้าคนใดคนหนึ่งเป็นอีกคนไม่ก็ไม่หายไป เพราะประเทศมีแผลที่ต้องซ่อมใหญ่มาก เราให้เกียรติกัน และไม่มาแย่งตำแหน่งกัน
ส่วนนายเศรษฐา ระบุว่า เรามีแคนดิเดท 3 คน ถ้าใครโดนอุบัติเหตุทางการเมือง ก็ยังเหลืออีก 2 คน ถ้าคณะกรรมการเคาะออกมาว่าแคนดิเดทเป็นชื่อตน ก็เชื่อว่าน.ส.แพทองธารก็ยังสนับสนุนตน
นอกจากนี้ทั้งนายเศรษฐาและน.ส.แพทองธาร ยังได้ตอบคำถามถึงการจับมือ 3 ป. โดยยืนยันว่า พรรคเพื่อไทยยึดโยงกับประชาชน ไม่เอารัฐประหาร และไม่จับมือกับฝ่ายเผด็จการแน่ แต่การจะจับมือกับพรรคใดนั้นเป็นเรื่องในอนาคตหลังการเลือกตั้ง พรรคต้องดูก่อนว่า ผลออกมาอย่างไร แต่เรามีเกณฑ์ของเราว่าต้องเห็นด้วยกับนโยบายของเรา และนายกฯต้องมาจากพรรคเพื่อไทยเท่านั้น คนที่จะมาจับมือกับเราจะรับได้หรือไม่ ตอนนี้เรารอผลการเลือกตั้งอย่างเดียวและสิ่งที่เกิดขึ้นต่อไป ไม่ว่าจะมีข่าวลืออะไร เราก็จะยืนยันคำตอบนี้
สำหรับความเป็นไปได้ สมการ เพื่อไทย-ก้าวไกลนั้น น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เกิดขึ้นได้อยู่แล้ว เราไม่เคยรังเกียจฝ่ายประชาธิปไตยด้วยกัน และกับพรรคก้าวไกลก็ไม่เคยมีปัญหา เพราะเป็นพรรคฝ่ายค้านมาด้วยกัน ทำงานมาด้วยกัน แต่หลังการเลือกตั้งต้องรอดูเสียงของประชาชน คงต้องมาดูกันอีกครั้ง
ด้านนายเศรษฐา กล่าวว่า เรื่องนโยบายก็ต้องมาถกกันเพื่อให้เกิดความชัดเจน