นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค เปิดแถลงข่าวหลังจากการนับคะแนนเสียงเลือกตั้ง ส.ส. ผ่านมาเกินครึ่งทาง โดยคะแนนรวมของพรรคน่าจะทะลุ 100 เสียงไปแล้วอย่างแน่นอน จากการรวบรวมเบื้องต้น ส.ส.เขตมั่นใจชนะขาด 72 เขต และอีก 50 เขตใกล้นับคะแนนเสร็จแล้วมีคะแนนนำมา ดังนั้นรวมกันแล้วน่าจะได้ 120 เขต ส่วนของ ส.ส.บัญชีรายชื่อน่าจะอยู่ที่ประมาณ 35-40 เสียง
ในส่วนของพื้นที่ กทม.จากทั้งหมด 33 เขต ยังมีอีก 4 เขตที่นับคะแนนยังไม่เสร็จ แต่อีก 29 เขตได้รับการยืนยันจากหน้างาน และ VOTE62 แล้วว่าพรรคก้าวไกลชนะหมดทุกเขต
"พรรคบรรลุเป้าหมายในการหาเสียงแล้ว และมีทิศทางที่ดีว่าอาจทะลุถึง 160 เขตได้"นายพิธา กล่าว
สำหรับทิศทางในการจัดตั้งรัฐบาล นายพิธา เชื่อว่าขณะนี้โอกาสที่พรรคการเมืองอีกฝั่งจะจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยคงไม่มีแล้ว หลังจากที่ทั้งพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยได้คะแนนเสียงเกิน 100 เสียง
"ผลออกมาชัดเจนพอสมควรว่าการตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยแทบจะไม่มี จากผลคะแนนแสดงให้เห็นว่าพรรคที่คะแนนเกิน 100 คะแนนมีเพียงก้าวไกล และเพื่อไทยเท่านั้น ส่วนพรรคขั้วรัฐบาลเดิมยากที่จะมีส.ส. เกิน 100" นายพิธา กล่าว
พรรคก้าวไกลพร้อมจะจับมือกับพรรคเพื่อไทยเพื่อจัดตั้งรัฐบาล โดยจะต้องทำ MOU อย่างเปิดเผยเพื่อให้ประชาชนรับรู้เพื่อความโปร่งใส และย้ำเงื่อนไขสำคัญของพรรคก้าวไกลที่ได้ให้สัญญากับประชาชนไว้คือ "มีลุงไม่มีเรา มีเราไม่มีลุง" ไม่มีพลังประชารัฐและรวมไทยสร้างชาติในสมการของก้าวไกล
อย่างไรก็ดี ขณะนี้ยังไม่มีการพูดคุยกับพรรคการเมืองใด รวมทั้งยังไม่ได้โทรศัพท์พูดตคุยกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรือแกนนำคนอื่น ๆ ของพรรคเพื่อไทย คงต้องรอผลคะแนนภาพรวมของคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) ออกมาให้ชัดเจนก่อน
"ถ้าก้าวไกลได้คะแนนเป็นอันดับ 1 สิทธิในการจัดตั้งรัฐบาลจะเป็นของก้าวไกล และผมก็พร้อมเป็นนายก แน่นอนว่าจะมีการโทรพูดคุยกับพรรคร่วมฝ่ายค้านที่เคยทำงานร่วมกันมา ทั้งเพื่อไทย เสรีรวมไทย และประชาชาติ ในส่วนของพรรคอื่นๆ มองว่าแค่ 2 พรรคก้าวไกลกับเพื่อไทยคะแนนก็ทะลุ 251 แล้ว ไม่มีโอกาสในการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยแล้ว ในทางกลับกันถ้าอีกพรรคคะแนนมากกว่าก็ให้สิทธิในการจัดตั้งรัฐบาล" นายพิธา กล่าว
หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวอีกว่า คณะกรรมการบริหารพรรคจะมีการประชุมในวันพรุ่งนี้เพื่อหารือกันเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาล และ การทำ MOU เพื่อสร้างมาตรฐานในการทำงานทางการเมือง โดยจะมีการทำอย่างเปิดเผยต่อสาธารณชน และเพื่อทำสัญญาต่อประชาชน ขณะเดียวกันพรุ่งนี้พรรคจะลงพื้นที่เพื่อขอบคุณประชาชนด้วย
นายพิธา ตอบคำถามว่าหากเจรจากับพรรคเพื่อไทยต้องคำนึงถึงการกลับมาของนายทักษิณ ชินวัตร หรือไม่ว่า การที่นายทักษิณจะกลับมาคงต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เชื่อว่าถ้าระบบเป็นธรรมเป็นกลางก็จะสามารถแก้ปัญหาความขัดแย้งได้ ไม่ใช่ก้าวข้ามความขัดแย้งแต่ไม่มีความยุติธรรม ไม่เสาะหาข้อเท็จจริงเหมือนในช่วง 17 ปีที่ผ่านมา สรุปคือต้องทำระบบยุติธรรมให้ยุติธรรมกับทุกฝ่ายจริงๆ ไม่ทำให้คนเห็นต่างทางการเมืองต้องติดคุก
https://youtu.be/ryiYN4o0dBM