- "พิธา" พร้อมเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล 309 เสียง ก้าวไกล-เพื่อไทย-ประชาชาติ-ไทยสร้างไทย-เสรีรวมไทย-เป็นธรรม
- "พิธา" นำโรดแมพ "ก้าวไกล" เจรจาพรรคร่วมฯยกร่างรธน.ใหม่-ตั้งทีมเปลี่ยนผ่านรัฐบาล
- "พิธา" เรียกประชุม กก.บห.พรรคก้าวไกลบ่ายนี้เร่งตั้งรัฐบาลให้เร็วที่สุด
- "พิธา" ไม่กังวล ส.ว.250 เสียงมองการฝืนประชามติประชาชนไม่เป็นประโยชน์
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เปิดแถลงข่าวประกาศชัยชนะผลการเลือกตั้งมาเป็นอันดับ 1 ด้วยเสียง ส.ส. 151 เสียง พร้อมเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล โดยได้ติดต่อแกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้านเดิม ทั้งเพื่อไทย ประชาชาติ ไทยสร้างไทย เสรีรวมไทย ร่วมกับพรรคก้าวไกล รวม 308 เสียง และอยู่ระหว่างติดต่อพรรคเป็นธรรม รวมเป็นรัฐบาล 309 เสียง เพียงพอต่อการตั้งรัฐบาล และปิดประตูการตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย
"ได้โทรศัพท์หาคุณแพทองธาร ชินวัตร แสดงความยินดีกับความมุ่งมั่นตั้งใจในการเดินทางหาเสียง ที่ทำได้อย่างดีเยี่ยมไร้ที่ติ และได้เชิญชวนพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้านเดิม ในการจัดตั้งรัฐบาลตามที่เคยสัญญากับพี่น้องประชาชน นอกจากนี้ได้พูดคุยถึงแผนการทำงานในวันถัดไป หรือในสัปดาห์นี้ และการจัดตั้งทีมทำงานกับพรรคเพื่อไทยด้วย ในส่วนของพรรคเป็นธรรม เนื่องจากเห็นถึงความตั้งใจในการทำงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เชื่อในความมั่งคั่งทางอาหาร มากกว่าความั่นคงทางทหาร" นายพิธา กล่าว
ทั้งนี้ พรรคก้าวไกลจะเรียกประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคในช่วงบ่ายวันนี้ เพื่อให้มีการจัดตั้งรัฐบาลให้เร็วที่สุด และจะเดินหน้านำโรดแมพของพรรคก้าวไกลเจรจากับพรรคที่จะร่วมจัดตั้งรัฐบาลเพื่อก้าวไปสู่ภาคปฏิบัติ โดยเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยการตั้งสภาร่างรัฐธรมนูญ (ส.ส.ร.) รวมถึงเดินสายพบทุกภาคส่วนเพื่อทำความเข้าใจ ทั้งนักธุรกิจ ภาคประชาชน ข้าราชการ
"หลังจากนี้พร้อมที่จะพูดคุยกับ 5 พรรค ต้องมีการทำ MOU เพื่อให้เห็นถึงความคาดหวังในการทำงาน แลเพื่อให้ประชาชนเห็นได้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เพราะคิดว่าการที่จะเป็นรัฐบาลที่ดีได้ต้องมีส่วนร่วมจากประชาชนด้วย" นายพิธา กล่าว
พร้อมทั้งยืนยันการแก้ไข ม.112 ไม่ใช่การยกเลิก ม.112 โดยสามารถทำได้ในสภา และต้องใช้ส.ส. จำนวนหนึ่ง ซึ่งส.ส. ก้าวไกล 151 ก็เกินแล้ว และสามารถเกิดการพูดคุยอย่างมีวุฒิภาวะในรัฐสภา และทำอย่างรอบคอบ รวมทั้งการทบทวนผู้ที่ได้รับผลกระทบจากคดีทางการเมือง และพูดคุยถึงโอกาสในการนิรโทษกรรม
นายพิธา กล่าวว่า ไม่กังวลเสียง 250 ส.ว.เพราะเชื่อว่าจะคงไม่มีใครกล้าฝืนมติประชาชน เพราะไม่เป็นประโยชน์กับฝ่ายใดเลย
สำหรับในส่วนของการร่วมรัฐบาลกับพรรคภูมิใจไทย นายพิธา กล่าวว่า มั่นใจว่าขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็น เพราะให้สัญญากับประชาชนแล้วว่า การพลิกขั้วจากฝ่ายค้านมาจัดตั้งรัฐบาลเป็นความฝันของประชาชน ซึ่งขณะนี้รวมกันได้ 300 กว่าเสียง ในระบบปกติก็ไม่มีปัญหาแล้ว ดังนั้น เชื่อว่าไม่มีใครกล้าฝืนฉันทมติ
เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ในการนั่งตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายพิธา กล่าวว่า ขณะนี้ก้าวไกลได้คะแนน 151 เพื่อไทย 141 สิ่งสำคัญคือนโยบายที่เป็นประโยชน์ ไม่ได้อยู่ที่กระทรวง ต้องรอการเจรจาของคณะทำงาน และคณะกรรมการที่จะมีการเปลี่ยนผ่านอำนาจรัฐบาล ตนพร้อมดำรงตำแหน่งในนายกรัฐมนตรี และเป็นส.ส. ทั้งนี้ หากจำเป็นก็สามารถควบตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงได้ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ในทางกลับกันถ้ามีผู้อื่นที่มีความเชี่ยวชาญ เหมาะสมกว่าก็ไม่มีปัญหาเช่นกัน
นายพิธา กล่าวว่า ขณะนี้หมดเวลาของการทำรัฐประหารในประเทศไทยแล้ว ชัยชนะครั้งนี้ไม่ได้เป็นของก้าวไกล แต่เป็นของประชาชน ที่อยากให้ประเทศไทยการเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต และต้องการรัฐธรรมนูญใหม่ และประชาธิปไตย
ในส่วนของนโยบายการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด เชื่อว่าเป็นสิ่งสำคัญในการทำ MOU ทั้งนี้ ต้องมีการทำประชามติก่อน ส่วนเรื่องการกระจายอำนาจส่วนใหญ่ทุกพรรคเห็นด้วย ตอนนี้น้ำหนักทางการเมืองออกมาแล้ว ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทีมเจรจา
"นโยบายแต่ละนโยบายไม่ใช่กระทรวงเดียวกัน ดังนั้น ถ้าก้าวไกลเอานโยบายเป็นที่ตั้ง นโยบายใดจะเรียงลำดับความสำคัญอย่างไร คณะกรรมการจะมีการพูดคุยกันว่าจะทำอย่างไรให้เกิดขึ้นจริง" นายพิธา กล่าว