นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวถึงความคืบหน้าในการหารือจัดตั้งรัฐบาล ภายหลังการเลือกตั้ง 2566 ว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล มอบหมายให้ตนเป็นตัวแทนพรรคในการประสานงานกับพรรคร่วมฝ่ายค้านเดิม โดยการหารือกัน คาดว่าใช้เวลาไม่นานมาก จะนัดหมายพูดคุยเบื้องต้นกับตัวแทนพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นพรรคหลัก
"ต้องคุยกัน 2 พรรคก่อน วันนี้คุณพิธาจะโทรฯ หาหัวหน้าพรรคทั้งหมดด้วยตนเอง หวังว่าภายในสัปดาห์นี้ จะสามารถประชุมหารือร่วมกันได้ และแถลงกับสื่อมวลชน เพราะถือเป็นเป้าหมายที่พรรคก้าวไกลวางไว้ เพื่อให้เกิดความชัดเจนแน่นอนทางการเมือง" นายชัยธวัช กล่าว
ส่วนข้อกำหนดและเงื่อนไขของนายพิธา ที่มอบหมายมานั้น นายชัยธวัช กล่าวว่า เป็นไปตามเงื่อนไขเดิมที่ได้แถลงข่าวเมื่อวานนี้ (15 พ.ค.) ที่ไม่มีพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) คาดว่าพรรคเพื่อไทยน่าจะตกลง โดยเนื้อหาจะพูดถึงวาระหลักในการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ที่จะประกาศต่อสาธารณะ ว่ามีเรื่องใดบ้าง
"ต้องพูดคุยกับพรรคเพื่อไทยเป็นหลักก่อน เพราะเป็นพรรคขนาดใหญ่ เมื่อเรื่องหลังสรุปกันได้แล้วค่อยชวนพรรคอื่น ๆ ทั้งหมดมาพูดคุยกัน แต่เฉพาะหน้านายพิธา จะโทร ประสานหัวหน้าพรรคทุกพรรคด้วยตนเอง โดยจะจำกัดวงหารืออยู่ที่ 6 พรรคเท่านั้นก่อนสำหรับการรวมเสียงที่ยังไม่เบ็ดเสร็จ ต้องหารือร่วมกันต่อไปว่าพรรคอื่น ๆ เห็นว่าอย่างไร เบื้องต้นข้อเสนอของก้าวไกลเป็นแบบนี้ และเสียงของพรรคภูมิใจไทย ไม่มีความจำเป็น" นายชัยธวัช กล่าว
เมื่อถามว่า จะมีการคุยกับพรรคภูมิใจไทย มาร่วมโหวตนายกรัฐมนตรีให้หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ต้องเป็นการตัดสินใจของแต่ละพรรค แต่ทิศทางจะเป็นอย่างไร พรรคก้าวไกลก็ต้องฟังจากพรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมฝ่ายค้านอื่น ๆ ซึ่งหากเป็นไปตามกระแสสังคมที่เรียกร้องให้พรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาธิปัตย์มาร่วมโหวตนายกฯ ก็ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี เพราะหลายภาคส่วนคาดหวังกันว่าจะทำให้เกิดความชัดเจน
"พรรคก้าวไกล คาดหวังว่าจะให้การหารือแล้วเสร็จในสัปดาห์นี้ และการพูดคุยถึงตอนนี้ยังไม่มีปัญหา แต่ต้องมีการนัดหมายกันก่อนตามมารยาท จนถึงวันนี้ยังไม่เห็นปัญหาอะไร แต่เดินหน้าคุยกันจะดีที่สุด" เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าว
ในส่วนของพรรคชาติไทยพัฒนา นายชัยธวัช กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการติดต่อ เพราะต้องเป็นไปตามหลักการที่นายพิธาแถลงไว้ คือต้องยึดพรรคร่วมฝ่ายค้านในปัจจุบันเป็นหลัก เอาพรรคที่เคยทำงานร่วมกันมาก่อน ส่วนถ้าพูดคุยกันแล้วพรรคอื่น ๆ เห็นอย่างไรก็อีกเรื่อง แต่จะถึงขั้นปิดประตูเลยหรือไม่ ตอนนี้ตนคิดว่าเสียงของพรรคก้าวไกล และพรรคร่วมฝ่ายค้านก็เพียงพอ
เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ว่าพรรคเพื่อไทยอาจสนับสนุนคนอื่นเป็นนายกฯ นายชัยธวัช กล่าวว่า อย่าเพิ่งคุยถึงตอนนั้น พรรคเพื่อไทยก็แสดงความชัดเจนว่าจะสนับสนุน และเคารพหลักการในระบอบประชาธิปไตย มีเวลาอีกตั้ง 2 เดือน เราคงไม่ได้อยู่เฉย
ส่วนความมั่นใจในการรวมเสียงทั้ง ส.ส. และ ส.ว. ให้ได้ 376 เสียง นายชัยธวัช กล่าวว่า มั่นใจว่ามี ส.ว.ไม่น้อยที่มีวุฒิภาวะและปรารถนาดีต่อบ้านเมือง ไม่อยากเห็นทางตันหรือวิกฤตทางการเมือง พรรคก้าวไกลจึงพร้อมจะหารือแลกเปลี่ยน จะมีการติดต่อเข้าไปพูดคุยแน่นอน เชื่อว่าการพูดคุยกันก่อนจะเป็นประโยชน์ที่สุด เพราะความกังวล ไม่สบายใจของ ส.ว. อาจจะเป็นการคิดอยู่ฝั่งเดียว หากได้พูดคุยกันแล้วก็คงจะคลายกังวลกัน
ส่วนการเสนอตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรนั้น นายชัยธวัช กล่าวว่า การเสนอชื่อยังมีการพูดคุยกันอยู่ โดยมีการพูดกันว่า ในเมื่อพรรคก้าวไกลได้คะแนนมาเป็นอันดับ 1 ตำแหน่งประธานสภาฯ ก็ต้องเป็นของพรรคก้าวไกล แต่อาจมีความกังวลอยู่บ้างเรื่องความอาวุโส แต่คิดว่าในประวัติศาสตร์ก็เคยมีประธานสภาฯ ที่อายุน้อยมาแล้ว ส่วนที่มีกระแสว่านายณัฐวุฒิ บัวประทุม รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล มีชื่ออยู่ในโผด้วย เพราะเป็นฝ่ายกฎหมายนั้น นายชัยธวัช มองว่า คนวัยกลางคนก็มีความเหมาะสม เพราะมีความเที่ยงธรรมชัดเจน มีทักษะความสามารถที่เข้าใจทั้งระเบียบกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่นายชัยธวัช ให้สัมภาษณ์เสร็จ ได้รับสายโทรศัพท์และพูดคุยเรื่องการนัดหมายพรรคต่าง ๆ ก่อนจะเดินทางออกจากที่ทำการพรรคทันที คาดว่าเป็นการพูดคุยถึงวงประชุมลับ