นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงการหารือเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลในช่วงเย็นวันนี้ว่า ประเด็นในข้อหารือ หรือกระบวนการวิธีการต่างๆ เราให้สิทธิและให้เกียรติกับพรรคก้าวไกลในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเป็นผู้กำหนด ฉะนั้นประเด็นที่จะพูดคุยกัน ทางพรรคก้าวไกลจะเป็นผู้กำหนดว่าเขาต้องการอะไร หรือลงลึกขนาดไหน เพราะถือว่าเป็นการประชุมอย่างเป็นทางการในระดับพรรคเป็นครั้งแรก โดยพรรคเพื่อไทยไม่มีเงื่อนไขใดๆ
"ประเด็นข้อหารือ หรือเงื่อนไขต่างๆ เป็นหน้าที่หลักของพรรคแกนนำจัดตั้ง เราไม่มีเงื่อนไขเก็บไว้เพื่อต่อรอง เอาข้อเสนอที่พรรคแกนนำจัดทำเป็นตัวตั้ง ส่วนรายละเอียดที่เราจะรับได้หรือไม่นั้น เป็นรายละเอียดเชิงลึกที่ต้องพูดคุยกัน...ไม่มีเงื่อนไขใดๆ แม้เราจะเป็นเจ้าสาวสวยๆ แต่เราไม่เคยกำหนดว่าจะต้องเอาสินสอดทองหมั้น จะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เราไม่เคยเสนอก่อน เราเพียงแค่บอกว่าคุณก็เสนอมาสิ เราจะดูว่าเหมาะสมกับเราหรือไม่เท่านั้นเอง" นพ.ชลน่าน กล่าว
ส่วนกรณีที่สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เป็นตัวแปรในการเลือกนายกรัฐมนตรีนั้น นพ.ชลน่าน มองว่า เป็นความเห็นส่วนตัว จะไปเหมารวมว่าเป็น ส.ว.ทั้งหมดไม่ได้ เพราะความเห็นบุคคลก็หลากหลาย แต่สิ่งที่สำคัญและตนเห็นด้วยคือสิ่งที่นายพิธาแถลงว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นฉันทามติ และอาณัติจากประชาชนที่มอบหมายให้ฝ่ายประชาธิปไตยจำนวน 300 กว่าเสียง ซึ่งขณะนี้ 310 เสียงก็ถือว่าเป็นเสียงข้างมาก ฉะนั้นก็ควรเป็นไปตามหลักการ นั่นหมายความว่า ส.ว.เห็นควรจะต้องยอมรับเสียงข้างมากของประชาชน
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า หากพรรคก้าวไกลรวบรวมเสียงไม่ได้พรรคเพื่อไทยจะช่วยพรรคก้าวไกลในการเดินขอคะแนนเสียงหรือไม่ว่า หากเราตัดสินใจเข้าร่วมแล้วก็ต้องช่วยกัน ทำให้งานแต่งในครั้งนี้สัมฤทธิ์ผล ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยเจรจากับ ส.ว.หรือ ส.ส. โดยฟากฝั่งของ ส.ส.นั้น หลักการโดยทั่วไปคือ ไม่มีของฟรีในโลก โดยเฉพาะระบบการเมือง ถ้าเขาจะโหวตให้ เขาก็ต้องมีเงื่อนไขที่เขาจะได้ประโยชน์จากตรงนี้ คือ การร่วมรัฐบาลไปผลักดันนโยบาย
สำหรับรัฐบาล 310 เสียง นพ.ชลน่าน มองว่า เป็นรัฐบาลที่เข้มแข็ง และเหมาะสมที่สุด โดยมองว่าหากมากไปกว่านี้จะซ้ำรอยรัฐบาล 377 เสียงในสมัยพรรคไทยรักไทย จนทำให้อีกฝั่งใช้วาทกรรมเผด็จการรัฐสภาในการนำมาเป็นต่อรองเชิงอำนาจ
สำหรับการจัดตั้งรัฐบาลนั้นจำเป็นต้องให้สำเร็จภายในระยะเวลา 3 เดือน เพื่อประเทศชาติและประชาชน หากช้าไปอีกก็จะมีแต่ความเสียหาย ทุกฝ่ายต้องการความสงบ ซึ่งความสงบต้องช่วยกันสร้าง ยกเว้นแต่อีกฝ่ายหนึ่งต้องการที่จะให้เกิดความไม่สงบ เพื่อใช้เป็นร่องรอยของการใช้อำนาจ ซึ่งเราต้องระมัดระวังไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือของเขา
นพ.ชลน่าน มองว่า สถานการณ์ทางการเมืองคงไม่ถึงขั้นเกิดสุญญากาศในการจัดตั้งรัฐบาล เพราะทุกอย่างมีทางออก ขอเพียงทุกคนร่วมแรงร่วมใจกัน อย่างเราก็ชัดเจนและพร้อมว่าจะช่วยกันประคับประคองอุ้มชู
หัวหน้าพรรค พท. ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เคยระบุว่าจะกลับบ้านหลังการเลือกตั้ง "ไม่มีความเห็น เพราะสิ่งที่นายทักษิณพูดก็ชัดอยู่แล้ว ไม่ได้เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทยจะเป็นหรือไม่เป็นรัฐบาล ซึ่งขณะนี้เป็นรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งรักษาการอยู่"
ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคก้าวไกล ยังไม่แจ้งสถานที่สำหรับพูดคุยในช่วงเย็นวันนี้
"วันนี้จะต้องเอา MOU มาดูและคุยกัน เรื่องไหนไม่ขัดมาก เราก็ผ่านแต่หากบางอย่างของเราไม่ได้ เราก็เข้าใจ ถ้าไม่ใช่เรื่องหลักที่ขัดกับเราก็ไปต่อได้ เพราะพรรคเพื่อไทยอยากจะให้ก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ แต่หากไม่ได้ ก็เป็นเรื่องของเขาแล้ว เพราะครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในการหารือของพรรคร่วมที่จะจัดตั้งรัฐบาลแล้วมี MOU ตกลงร่วมกัน ถ้ามีเรื่องไหนที่ไม่สบายใจก็ต้องบอกไป แต่ตอนนี้ยังไม่มีเรื่องเหล่านี้เพราะเรายังไม่เห็นอะไร ต้องรอไปคุยกัน 4 โมงเย็นวันนี้" นายภูมิธรรม กล่าว
ส่วนประเด็นเสียงโหวตของ ส.ว.ที่ส่วนใหญ่จะไม่โหวตสนับสนุน นายพิธา ถือเป็นภาระของพรรคก้าวไกลที่จะต้องจัดการ หากอยากให้พรรคเพื่อไทยช่วยเรื่องไหนก็พร้อมที่จะช่วย ซึ่งก็ได้ย้ำกับพรรคก้าวไกลไปว่า อย่ากังวลเรื่องพรรคเพื่อไทยจะตั้งรัฐบาลแข่ง เราไม่ทำแน่นอน
นอกจากนี้ พรรคก้าวไกลยังยืนยันว่าจะตั้งรัฐบาล 310 เสียง ซึ่งพรรคเพื่อไทยก็เห็นด้วยเป็นเหตุผลที่สมเหตุสมผล การรวมตัวกันจากฝ่ายค้านที่เป็นประชาธิปไตยเดียวกันจะทำให้การทำงานง่าย พร้อมย้ำว่า หากการตั้งรัฐบาลครั้งนี้มีพรรค 2 ป.เข้ามาร่วมด้วย พรรคเพื่อไทยก็ไม่เอา เพราะถือว่าได้ประกาศย้ำชัดไปก่อนหน้าการเลือกตั้งแล้วว่าไม่เอาเผด็จการ ขณะที่ในส่วนพรรคภูมิใจไทยตราบใดที่นโยบายกัญชาเสรีกับเรื่องที่เขากระโดงที่ยังเคลียร์ไม่จบ พรรคเพื่อไทยก็ไม่สบายใจ แต่ไม่ได้บอกว่า ห้ามเอา เพียงแต่อยากให้พิจารณาให้ถี่ถ้วน