นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการจัดตั้งรัฐบาลใหม่หลังเลือกตั้งที่มีพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำ ซึ่งเท่าที่ทราบปัจจุบันรวบรวมได้ 313 เสียงถือว่ามีเสถียรภาพมั่นคงแข็งแรงยิ่งกว่าเรือเหล็ก
"เสียงเกิน 250 ถือว่ามั่นคงแล้ว ขนาดรัฐบาลที่แล้วผมยังบอกว่าเรือเหล็กเลย แต่ครั้งนี้ยิ่งกว่าเหล็กอีก" นายวิษณุ กล่าว
ส่วนเสียงสนับสนุนจากสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) นั้นจะต้องอาศัยในช่วงการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี และในช่วงเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายวิษณุ กล่าวว่า ค่อยๆ พูด ค่อยๆ จากันไป ยังมีเวลาอีกตั้ง 60 วัน กว่าจะประกาศรายชื่อ ส.ส.และกว่าจะถึงเวลาเลือกนายกฯ บวกเข้าไปอีกร่วม 30 วัน รวมแล้วก็ 3 เดือน ดังนั้นต้องใช้เวลาตรงนี้ให้เป็นประโยชน์ในการทำความเข้าใจ ไม่ใช่ว่าไปด่าทอกัน หรือประชดประชันกัน มันต้องพึ่งพาอาศัยกันอยู่ เพราะต่างก็เป็นหนึ่งในองค์ประกอบของรัฐสภา
"การเลือกนายกรัฐมนตรีอาจจะไม่ใช่ภารกิจยุ่งยากเท่าไหร่ แต่การผ่านกฎหมาย อะไรต่ออะไรยังมีมากกว่านี้ และหลายคนใน 6-7 พรรคนี้ก็พยายามประสาน เพราะเขามีพรรคพวกเพื่อนฝูงอยู่ ดังนั้นใช้เวลาตอนนี้ให้เป็นประโยชน์ อย่าลงมือด่าทอ ตบตีกัน ตั้งแต่วันแรก"
ส่วนที่มีการประเมินว่าจะไม่สามารถเลือกนายกฯ ได้นั้นตนไม่ทราบ ไม่ได้ประเมิน หากโหวตชื่อแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งแล้วไม่ผ่านก็สามารถเสนอชื่อคนเดิมกลับมาโหวตได้อีก "ได้ โหวตมันทุกวันนั่นแหละ ชื่อเดิมก็ได้"
นายวิษณุ กล่าวถึงพรรคอันดับ 2 ว่า สามารถเสนอชื่อแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีได้เช่นกัน แต่ต้องอาศัยเสียงกึ่งหนึ่งในรอบแรก เพราะมาตรา 272 วรรคหนึ่ง ระบุว่า ต้องมีความเห็นชอบไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งสองสภาที่มีอยู่ ซึ่งคือ 376 เสียง แต่ถ้าไม่สำเร็จก็โหวตอีก โหวตไปโหวตมาจนกระทั่งในที่สุดจะเปลี่ยนไปใช้มาตรา 272 วรรคสองก็แล้วแต่ หรือจะโหวตซ้ำมาตรา 272 วรรคหนึ่งก็ได้ เพราะอาจจะมีเหตุผลใหม่ๆ ดีๆ และมีคนเปลี่ยนใจเพิ่มขึ้นก็ได้ สำคัญคือ วันแรก ด่านแรก ในการเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร
ส่วนเรื่องการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีนอกบัญชีก็สามารถทำได้ แต่เป็นกรณีของวรรคสองนะ ซึ่งตนมองว่ายาก เพราะกว่าจะได้วรรคสองต้องใช้เสียงถึง 2 ใน 3 ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นยาก
"มันไม่เกิดได้ง่ายๆ หรอก เดี๋ยวพวกคุณก็ไปลงข่าวว่าผมชี้ช่องอีก เอาแค่วรรคหนึ่งให้มันจบและผมเชื่อว่าจบด้วย...ผมไม่มั่นใจ แต่ผมเชื่อ" นายวิษณุ กล่าว