พรรคก้าวไกล (ก.ก.) โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊คและทวิตเตอร์ว่า การจัดตั้งรัฐบาลผสมต้องเอาวาระหรือนโยบายเป็นตัวตั้ง ไม่ใช่กระทรวงหรือตำแหน่งเป็นตัวตั้ง ในฐานะแกนนำได้เดินหน้าเพื่อเป้าหมายในการจัดตั้งรัฐบาลกับ 8 พรรคการเมือง ที่มีเสียง ส.ส.รวมทั้งหมด 313 คน ซึ่งเชื่อว่าต่างมีอุดมการณ์และมุมมองต่ออนาคตประเทศไทยที่อยากเห็นสอดคล้องกันในภาพรวม และจำเป็นต้องเคารพความเห็นที่แตกต่างเชิงนโยบายของพรรคร่วมรัฐบาลอื่น โดยคำนึงถึงความไว้วางใจที่พรรคการเมืองเหล่านี้ได้รับจากประชาชนเช่นกัน
วาระที่รัฐบาลผสมนำโดย ก.ก.จะผลักดันแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ
1.วาระร่วมของทุกพรรคร่วมรัฐบาลที่ระบุไว้ใน MOU ซึ่งเป็นวาระและนโยบายที่ทุกพรรคเห็นตรงกัน พร้อมผลักดันร่วมกันผ่านกลไกบริหารและนิติบัญญัติ และพร้อมรับผิดชอบร่วมกัน
2.วาระเฉพาะของแต่ละพรรคการเมืองที่ไม่ได้ระบุใน MOU ซึ่งเป็นวาระและนโยบายที่แต่ละพรรคขับเคลื่อนเองเพิ่มเติม แต่ต้องไม่ขัดแย้งกับนโยบายใน MOU ผ่าน 2 กลไกหลัก
2.1.ผลักดันผ่านกลไกบริหารของกระทรวงที่พรรคมีตัวแทนเป็นรัฐมนตรี เช่น หาก ก.ก.บริหารกระทรวงศึกษาธิการ นโยบายการศึกษานอกเหนือจากใน MOU ที่อยู่ในขอบเขตอำนาจของ รมว.ศึกษาธิการ
2.2.ผลักดันผ่านกลไกนิติบัญญัติของระบบรัฐสภาโ ดย ส.ส.ของพรรค เช่น กฎหมาย 45 ฉบับที่ ก.ก.พร้อมเสนอสู่สภาทันทีที่สภาเปิด ไม่ว่าจะปรากฎอยู่ใน MOU หรือไม่
พรรคก้าวไกล ยืนยันว่า จะพยายามเต็มที่ในการผลักดัน 300 นโยบาย ที่ได้สื่อสารกับประชาชนก่อนเลือกตั้งให้สำเร็จ โดยการพยายามบรรจุนโยบายเข้าไปใน วาระร่วม หรือ MOU ให้ได้เยอะที่สุด ขณะที่นโยบายอะไรที่ไม่ถูกบรรจุใน MOU เราจะผลักดันต่อผ่านกระทรวงที่พรรคบริหารและผ่าน ส.ส.จำนวน 152 คน
แม้กระบวนการจัดตั้งรัฐบาลลักษณะนี้อาจเป็นสิ่งใหม่สำหรับสังคมไทย แต่พรรคเชื่อว่ากระบวนการดังกล่าวที่อ้างอิงจากหลายประเทศที่เป็นประชาธิปไตยทั่วโลก จะเป็นกระบวนการที่สร้างบรรทัดฐานใหม่ในประเทศ ยกระดับความมั่นใจของประชาชนต่อระบบการเมืองไทย และเพิ่มความชัดเจนกับประชาชนว่าในบริบทของรัฐบาลผสมที่ประกอบไปด้วยหลายพรรคการเมืองที่ได้รับการเลือกตั้งเข้ามาด้วยนโยบายที่ทั้งมีจุดร่วมและจุดต่างกัน รัฐบาลผสมนี้จะร่วมผลักดันและรับผิดชอบวาระอะไรเพื่อประชาชน
ทั้งนี้ จะมีการแถลงข่าวตั้งรัฐบาลและเปิดรายละเอียด MOU ที่ทุกพรรคร่วมลงนามกันได้ในวันพรุ่งนี้ (22 พ.ค.) เวลา 16.30 น.