โดย 2 กลุ่มหลัง ถือเป็นกลุ่มส่วนมากที่จะรอดูสถานการณ์ ดูเหตุการณ์ก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ เพราะถ้าตัดสินใจวันนี้ ยังไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นหรือไม่ และส่วนตัวอยู่ในกลุ่มที่จะโหวตให้พรรคการเมืองที่รวบรวมเสียงข้างมาก ซึ่งหากพรรคดังกล่าวเสนอใครเป็นนายกรัฐมนตรี ก็จะโหวตให้คนนั้น ซึ่งเป็นจุดยืนมาตั้งแต่ต้น และจะไม่มีเปลี่ยนแปลง
นายวันชัย เชื่อว่า จากการปรึกษาหารือกันมาตลอดนั้น ส.ว. จะมีแนวทางตัดสินใจในการโหวตเพื่อประเทศชาติ และประชาชนเป็นสำคัญ ยืนยันจะไม่ทำให้ประชาชนผิดหวัง
นายวันชัย กล่าวถึงกรณีที่พรรคก้าวไกล จะมาพูดคุยกับ ส.ว.ว่า อาจจะเป็นวิธีการหนึ่งในการสื่อสารระหว่างกัน แต่ส่วนตัวยังไม่ได้รับการประสานมาแต่อย่างใด และเท่าที่ทราบนั้นมีบางกลุ่ม บางคนที่รู้จักกัน ก็มีการพูดคุยกันบ้าง แต่ยังไม่ได้พูดคุยกันอย่างเป็นทางการ
พร้อมมองว่า สถานการณ์ตอนนี้การพูดคุยเจรจาด้วยไมตรีจะเป็นประโยชน์ต่อกันมากกว่า ซึ่ง ส.ว.ทุกคนมีวุฒิภาวะ ไม่ดื้อรั้น แต่จะให้ทั้ง 250 คน โหวตไปทิศทางเดียวกันนั้น คงไม่น่าจะเป็นไปได้ นายวันชัย ยืนยันว่า ไม่มีใครมาสั่งการ มาบอกให้เอาหรือไม่เอา โดยนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ให้ ส.ว.ทุกคนมีเอกสิทธิ์ตัดสินใจ และยิ่งสถานการณ์เช่นนี้ ความเป็นอิสระในการตัดสินเป็นเรื่องที่สวยงาม และเหมาะสม
ขณะเดียวกัน ส.ว. ไม่มีสิทธิโหวตเลือกตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร เพราะเป็นหน้าที่ของ ส.ส. จึงไม่ได้นำเรื่องนี้มาพิจารณาประกอบการตัดสินใจ แม้จะมาทำงานร่วมกันในอนาคต เช่นเดียวกับกรณีการถือครองหุ้นสื่อ ที่มองว่าเป็นเรื่องขององค์กรที่รับผิดชอบจะตัดสินใจมากกว่า
ส่วนการเคลื่อนไหว หรือการชุมนุมต่างๆ นั้น ส.ว. จะรับฟัง และไม่มีใครปฏิเสธเสียงของประชาชน เชื่อว่าจะนำทุกประเด็นมาประกอบการตัดสินใจ ไม่ได้มองใครเป็นศัตรู แต่จะมองด้วยเหตุด้วยผล พร้อมกันนี้ ไม่ได้มองว่าการชุมนุมเย็นนี้เป็นการกดดัน ส.ว. แต่มองเป็นการแสดงออกตามกฎหมาย