นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวกรณีที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า ออกมาโพสต์ข้อความระบุว่า ตำแหน่งประธานสภาควรเป็นของพรรคก้าวไกลไม่ควรยกให้ใครว่า ยังไม่ได้พูดคุยกันกับพรรคก้าวไกล แต่มองว่าขณะนี้เป็นบรรยากาศการทำงานร่วมกันเพื่อเข้าสู่เป้าหมาย หากจะมาพูดอะไรตอนนี้หมือนเป็นการกดดัน และไม่ถือเป็นเรื่องดี
ส่วนใครจะรับตำแหน่งใด อยู่ที่การพูดคุยกันถึงความเหมาะสม โดยไม่ขอวิจารณ์ชื่อที่ออกมาจากพรรคก้าวไกลว่ามีประสบการณ์การทำงานมากน้อยเพียงใด เพราะเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า สำหรับพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคการเมืองที่อยู่มาถึง 22 ปี มีบุคลากรที่ผ่านมาทำงานมามากพอสมควร ไม่ขอบอกว่าเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม แต่พรรคมีคนที่พร้อมจะทำหน้าที่ โดยหลังจากนี้ต้องรอแกนนำเป็นผู้นัดหมายพูดคุยเรื่องนี้ หากไปพูดตอนนี้จะเป็นการไปกดดัน และเป็นเรื่องไม่เหมาะสม
ส่วนกรณีที่ น.ต.ศิธา ทิวารี แคนดิเดทนายกรัฐมนตรี พรรคไทยสร้างไทย ตั้งคำถามในวันแถลงลงนาม MOU จัดตั้งรัฐบาล ที่อยากเห็น MOU ของ 8 พรรคการเมืองทำงานร่วมกันต่อไปไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาลว่า หากเป็นไปตามเจตนารมณ์นี้ ก็เป็นเรื่องดี แต่เป็นเรื่องไม่เหมาะสม และเป็นเรื่องเสียมารยาท เพราะน.ต.ศิธา เป็นหนึ่งในบุคคลที่ร่วมร่างและพิจารณาประเด็นการจัดทำ MOU ด้วยกัน หากคำถามนี้ถูกถามโดยสื่อมวลชนหรือประชาชนทั่วไป หรือแม้กระทั่งสมาชิกไทยสร้างไทยที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการเสนอประเด็น MOU ก็คงจะไม่ตำหนิ
ขณะที่นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย ทวิตข้อความการยืนยันไม่ตั้งรัฐบาลแข่งพรรคอันดับ 1 ว่า ยืนยันแล้ว ยืนยันอยู่ ยืนยันต่อ กับเรื่องตำแหน่งประธานสภาฯ เป็นคนละประเด็น ไม่ควรเหมารวมว่าเมื่อยอมให้พรรคอันดับ 1 เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแล้ว พรรคร่วมอื่นๆ ต้องก้มหน้ายอมรับในทุกเงื่อนไข ทุกพรรคต้องเกรงใจและเคารพเสียงของประชาชนที่เลือกมา
"ก่อนเลือกตั้งชูจุดขาย "การเมืองใหม่" ต้อง "กระจายอำนาจ" หลังเลือกตั้งอ้างใหม่ ยึด "ธรรมเนียมปฏิบัติ" พรรคอันดับหนึ่งต้องเป็นประธานสภาฯ เพื่อ "รวบอำนาจ" ไว้แต่กับพวกตัวเอง ประมุขฝ่ายบริหารจองแล้ว ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ ก็ยังจะรวบไว้เอง แต่เพียงพรรคเดียวอีก?" นายอนุสรณ์ ระบุ