นายสมหวัง จำปาหอม ทนายความจากจังหวัดยโสธร เข้ายื่นคำร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เร่งพิจารณาคำร้องการถือหุ้น บมจ.ไอทีวี (itv) ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดทนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความสนใจ โดยเชื่อว่า กกต.มีข้อมูลเพียงพอที่จะวินิจฉัยแล้ว และนายพิธาเองก็ยอมรับว่าถือหุ้นดังกล่าวจริง
"เรื่องนี้ กกต.ได้ปล่อยให้นายพิธาถือหุ้นดังกล่าว มาตั้งแต่การเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ทั้งที่ควรจะยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตั้งแต่การเลือกตั้งครั้งที่แล้ว อย่าบอกว่า ไม่มีผู้ร้องเรียน" นายสมหวัง กล่าว
หากเทียบเคียงกับกรณีผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาลอำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี รายหนึ่งถือหุ้น บมจ.อสมท. (MCOT) เพียง 1 หุ้น ยังถูก กกต.เพิกสิทธิเลือกตั้งภายในเวลาไม่ถึง 1 เดือนโดยไม่มีผู้ร้องเรียน เรื่องนี้ กกต.จึงควรจะทำให้เกิดความเสมอภาคกับกรณีของนายพิธา แม้จะหมดวาระของสภาผู้แทนราษฎรมาแล้ว ก็จะมีผลต่อเรื่องเงินเดือน และผลประโยชน์ต่างๆ ตนจึงต้องเดินทางมาจากจังหวัดยโสธร เพื่อขอให้ กกต.เร่งพิจารณาภายในวันที่ 30 มิ.ย.นี้
นายสมหวัง กล่าวว่า อยากให้ กกต.พิจารณาคุณสมบัติของนายพิธา ให้เสร็จสิ้นก่อนการประกาศรับรองผลเลือกตั้ง หากปล่อยไว้เช่นนี้ จะเกิดความเสียหายต่อการเลือกตั้งหากรับรองผลการเลือกตั้งไปก่อน เพราะจะต้องไปร้องศาลรัฐธรรมนูญ และต้องจัดเลือกตั้งใหม่จะทำให้เสียงบประมาณ แต่หากสอยไปก่อนประกาศผล เพราะขาดคุณสมบัติ ซึ่งเรื่องนี้ กกต.สามารถทำได้ตามหน้าที่
แต่ถ้ารับรองผลการเลือกตั้งไปแล้ว ต้องส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย โดย กกต.สามารถย้อนไปดูได้ว่านายพิธาเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกลเมื่อใด และถือหุ้นสื่ออยู่หรือไม่ ก็จะพบว่านายพิธา ขาดคุณสมบัติการเป็นสมาชิกพรรค ไม่สามารถเป็น ส.ส.ได้ ประกอบกับทุกพรรคก็มีข้อบังคับพรรคในเรื่องการถือหุ้นสื่อ
นายสมหวัง กล่าวว่า การมายื่นคำร้องในวันนี้อยากเห็นความชัดเจน กกต.จะต้องทำหน้าที่โดยยึดความถูกต้องกฎหมาย ไม่ใช่ยึดกระแสที่จะมากดดันได้ การที่ตนเดินทางมาจากจังหวัดยโสธร เพื่อมายื่นเรื่องต้องการให้เป็นข่าวเพื่อเร่งรัดการพิจารณาในเรื่องนี้ เพื่อให้เกิดความชัดเจน เพราะการเมืองจะเดินต่อไปแบบไม่มีข้อกังขา
"ผมไม่มีความเกี่ยวข้องหรือมีส่วนได้เสียใดๆ มาในฐานะประชาชน ไม่ใช่ผู้สมัคร ส.ส. เป็นคนธรรมดาที่ปกป้องประโยชน์แผ่นดิน และอยากเห็นกฎหมาย ความถูกต้อง ไม่ใช่เอากระแสมาอยู่เหนือกฎหมาย ถ้าทำแบบนี้บ้านเมืองจะอยู่รอดหรือ เมื่อกฎหมายเขียนไว้ ต้องทำไม่เลือกหน้า ไม่ว่าจะพรรคไหนหรือใคร" นายสมหวัง กล่าว
ทั้งนี้ หากพ้นวันที่ 30 มิ.ย.แล้ว กกต.ไม่ดำเนินการยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาสถานภาพของนายพิธาในการเป็น ส.ส.สมัยแรกแล้ว จะแจ้งความดำเนินคดีกับ กกต.ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 หาก กกต.เห็นว่านายพิธาไม่ผิด จะเจอกับตนอีกยาวแน่ ดังนั้น กกต.อย่าโยนเรื่องนี้ให้ศาลรัฐธรรมนูญ กกต.ควรรีบดำเนินการก่อนโดยไม่สนกระแสกดดัน พร้อมขอให้กำลังใจ กกต.ทำหน้าที่อย่าหวั่นไหว
"คนเราบอกว่าจะเป็นนักประชาธิปไตย คุณต้องเคารพกฎหมาย เคารพสิ่งที่ทำถูกต้อง ถ้าคุณบอกว่ากระแสประชาชนไม่ยอม นั่นคือประชาธิปไตย มันไม่ใช่ มันหมดเวลาแล้วที่เราจะเอาคนมาลงท้องถนนเพื่อกดดันต่างๆนาๆ คุณบอกประชาธิปไตย เครารพบ้าง เคารพเสียง เคารพประชาชน คนที่เขาไม่เลือกคุณก็ไม่ได้น้อย และพรรคอื่นก็อาจจะเจอแบบคุณด้วยเหมือนกัน มันไม่แน่ ผมไม่มีข้อมูล แต่วันนี้ผมมีข้อมูลของพรรคก้าวไกลของคุณพิธา ผมจึงมาร้อง ผมยืนยันได้มาด้วยความสุจริต มาเพื่อต้องการรักษากฎหมาย และประโยชน์ของพี่น้องประชาชน" นายสมหวัง กล่าว