น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงความคืบหน้าการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลว่า กระบวนการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลน่าจะจบได้เร็วขึ้นภายใน 2 สัปดาห์ หากไม่มีปัญหาอื่นมาแทรก หลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เตรียมประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ
ส่วนกรณีที่ล่าสุดจำนวนส.ส.ของพรรคก้าวไกล ลดลงจาก 113 เหลือ 112 ที่นั่ง ซึ่งพรรคเห็นข้อผิดพลาดตรงนี้อยู่แล้ว เพราะในหน้าเว็บไซต์ของพรรคก้าวไกล ยังยืนยันตัวเลข 112 ที่นั่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ 39 ที่นั่ง ทำให้ตอนนี้ ส.ส.ของก้าวไกล มี 151 ที่นั่ง และ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล เหลือ 312 ที่นั่ง โดยยืนยันว่า ไม่กระทบต่อการจัดตั้งรัฐบาลแต่อย่างใด
ส่วนตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ต้องอยู่กับพรรคก้าวไกล เพื่อเข้าไปทำหน้าที่ผลักดันกฏหมาย 45 ฉบับ ตามที่ได้หาเสียงไว้ หรือการผลักดันกฏหมายที่เสนอโดยประชาชนให้ได้อย่างรวดเร็ว
ส่วนจะเป็นกระแสกดดันพรรคเพื่อไทย ที่อาจจะถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่นั้น น.ส.ศิริกัญญา มั่นใจว่า พรรคเพื่อไทยอยู่ร่วมรัฐบาลต่อ ไม่ว่าจะมีตำแหน่งประธานสภาฯ หรือไม่ และไม่เชื่อว่าพรรคเพื่อไทยจะถอนตัวออกจากการร่วมรัฐบาล และยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่มีเรื่องการแทงข้างหลังกันแน่นอน
"ไม่เป็นความจริง ยังยืนยันข้อความที่ระบุไว้ใน MOU ว่าเราต้องซื่อสัตย์ จริงใจต่อกัน ดังนั้นปรากฏการณ์แทงข้างหลังจะไม่เกิดขึ้นแน่นอนจากฝั่งพรรคก้าวไกล เราพยายามสื่อสารตรงไปตรงมา ถ้าตรงไหนคิดว่าไม่จริงใจต่อกัน ก็พูดคุยกัน"น.ส.ศิริกัญญา กล่าว
พร้อมมองว่า การที่พรรคที่มี ส.ส.มากเป็นอันดับ 1 จะขอตำแหน่งประธานสภาฯ ไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอะไร และเชื่อว่าคงจะไม่มีการปล่อยฟรีโหวต ซึ่งกระบวนการเจรจาน่าจะได้ข้อสรุปก่อนฟรีโหวต และทางพรรคไม่ได้กังวลว่า หากไม่ปล่อยตำแหน่งประธานสภาฯ ให้พรรคเพื่อไทยแล้ว พรรคเพื่อไทยจะตั้งรัฐบาลแข่ง
"เราไม่ได้กังวลว่า จะมีการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีเป็นคนอื่น เพื่อแข่งกันตั้งรัฐบาล เพราะเราเชื่อใจพรรคเพื่อไทยอย่างเต็มที่ ว่าจะร่วมหัวจมท้ายกับพรรคก้าวไกล"น.ส.ศิริกัญญา กล่าว
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า หลังจากได้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล ก็มีทิศทางการตอบรับในเชิงบวก ทั้งจากพรรคร่วมและประชาชน และด้านสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) มีความเข้าใจมากขึ้น และยอมรับในหลักการที่จะมีการโหวตให้กับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรีมากขึ้น แต่ยังคงเดินหน้าเจรากับ ส.ว.เป็นรายบุคคลอย่างต่อเนื่อง และเชื่อมั่นว่าจะได้จำนวนโหวตที่มากพอ
ขณะนี้ จำนวน ส.ว.ที่พร้อมสนับสนุนนายพิธา เป็นนายกฯ ที่พรรครวบรวมได้ตอนนี้มี 19 คน และเรายังมั่นใจจากการเดินหน้าพูดคุยเป็นไปทางบวก จากการที่เราพูดคุย ซึ่งส.ว.บางท่านไม่ประสงค์ประกาศทางสาธารณะ แต่เชื่อว่ายิ่งใกล้วันโหวต จะมีจำนวนมากขึ้น การที่ได้พูดคุยเป็นรายบุคคล น่าจะคลายกังวลลงได้หลายเรื่อง
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ช่วงนี้จะเป็นการเจรจาพรรคร่วมรัฐบาลในประเด็นต่างๆ รวมถึงหารือเรื่องเก้าอี้รัฐมนตรี และหารือพูดคุยนโยบายที่ยังเห็นต่างกัน เช่น นโยบายเรื่องค่าแรง 450 บาท ซึ่งพรรคเพื่อไทยให้สัญญาณทางบวกไม่ขัดข้อง แต่ในนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ต้องหารือกับพรรคเพื่อไทยว่าจะดำเนินนโยบายนี้หรือไม่ ซึ่งเมื่อได้ข้อสรุป จะได้เป็นแนวทางที่จะใช้ในการแถลงต่อรัฐสภา
โดยการจัดตำแหน่งต่างๆ ย้ำว่าจะยึดวาระและนโยบายที่จะทำเป็นหลัก ในเรื่องการเจรจาต่อรองคงไปพูดคุยในรายละเอียดในกระทรวงต่างๆ โดยตำแหน่งรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล จะเป็นโควต้าจากส.ส.พรรค และคนนอก และการแบ่งตำแหน่งกับพรรคร่วมรัฐบาล คงต้องมีการจัดสรรปันส่วนอย่างเป็นธรรม ซึ่งต้องสะท้อนกับจำนวน ส.ส.ในสภาฯ ด้วยเช่นกัน
ส่วนที่มีการคาดการณ์ว่า พรรคเพื่อไทยจะดูแลกระทรวงด้านเศรษฐกิจ ส่วนพรรคก้าวไกล จะดูแลด้านความมั่นคงและกระทรวงด้านสังคมนั้น น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ต้องเคารพพรรคร่วมรัฐบาลที่เดินหน้าเจรจา ในเรื่องโผต่างๆ ที่หลุดออกมานั้น เป็นเพียงการคาดการณ์ของหลายฝ่าย และอาจเป็นความคาดหวังหลายฝ่ายที่อยากเห็น ครม.ในฝันว่ามีหน้าตาเป็นอย่างไร
อย่างไรก็ตาม น.ส.ศิริกัญญา ยังไม่ได้วางบทบาทของตัวเองว่าจะทำหน้าที่ในตำแหน่งใด ขึ้นอยู่กับทางพรรคในการจัดสรรตำแหน่งต่างๆ แต่ส่วนตัวพร้อมรับตำแหน่ง รมว.คลัง หากพรรคมอบหมาย
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ยังคงเดินหน้าเรื่องการขึ้นค่าแรง 450 บาท ภายใน 100 วัน ตามที่หาเสียงไว้ แต่ก็จำเป็นต้องหารือกับพรรคร่วมรัฐบาล และไม่อยากให้เป็นการส่งสัญญาณว่า มีการเลือกกระทรวงแต่อย่างใด เพราะการเจรจาเรื่องตำแหน่งยังไม่เสร็จสิ้น และอาจถูกมองว่าไม่ให้เกียรติพรรคร่วมรัฐบาล
ส่วนข้อกังวลจากผู้ประกอบการหากมีการปรับขึ้นค่าแรงนั้น จะมีมาตรการช่วยเหลือเยียวยาที่เหมาะสม ซึ่งหลายบริษัทอาจกังวลว่าการเยียวยาอาจไม่เพียงพอ ซึ่งทางพรรคพร้อมเปิดรับฟังความคิดจากผู้ประกอบการด้วย
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า นโยบายพรรคเน้นการสร้างเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างเป็นธรรม ส่งเสริมทั้งผู้ประกอบการและแรงงานเดินหน้าต่อเนื่อง และลดความเลื่อมล้ำ หลังจากได้เดินสายพูดคุยกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) แล้ว จะเดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นต่อเนื่อง โดยจะร่วมหารือกับสภาแรงงานแห่งประเทศไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และภาคส่วนต่างๆ
พรรคก้าวไกล ยืนยันว่า การนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เจ้าพนักงาน ตำรวจ และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ทำงานได้เต็มที่ แต่ต้องพิจาณาคุ้มครองผู้ที่ได้รับผลกระทบ ทั้งผู้ประกอบการ และผู้ปลูกที่ดำเนินการถูกต้องตามกฏหมาย และยืนยันว่าจะไม่ให้เกิดผลกระทบกับผู้ที่ดำเนินการถูกต้องตามกฏหมาย และในขั้นตอนต่อไป จะมีการคุ้มครองผู้ประกอบการที่จดทะเบียนถูกต้อง เช่น ผู้ขายสมุนไพรควบคุม จำเป็นต้องมีประกาศออกมาอีกครั้ง และเป็นเรื่องที่ต้องหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลอีกครั้ง
ส่วนปัญหาต่างๆ ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลในขณะนี้ น.ส.ศิริกัญญา มองว่า ความเห็นต่างเป็นเรื่องธรรมชาติ การเจรจาพูดคุยยังเดินหน้าต่อเนื่อง เพื่อทำให้ความกังวลใจต่างๆ ได้คลี่คลาย และไม่กังวลว่าจะนำไปสู่ความวุ่นวายแต่อย่างใด