เฟซบุ๊คเพจพรรคเพื่อไทย (พท.) ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับผู้ที่จะเข้ามารับตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรว่า ปัจจุบันที่เป็น 'รัฐบาลผสม' มีภารกิจสำคัญใน MOU ร่วมกัน ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในวงการเจรจาพรรคร่วมรัฐบาล พรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่า การจัดสรรตำแหน่งจะคำนึงถึงความยุติธรรมกับทั้งสองฝ่ายเป็นหลัก ไม่ว่าประธานสภาฯ จะเป็นใคร มาจากพรรคใด ก็ต้องทำภารกิจร่วมกันให้บรรลุเป้าหมาย และควรเปิดทางผลักดันทุกนโยบายของพรรคร่วมรัฐบาลให้สำเร็จ ไม่ใช่ผลักดันวาระของพรรคใดพรรคหนึ่งเท่านั้น
หากจะยกกรณีที่พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งและชนะโหวตทั้งนายกฯ และประธานสภาฯ มาโดยตลอด ไม่มีพรรคอันดับสองได้ เป็นเพราะเพื่อไทยชนะเลือกตั้งเด็ดขาด ได้คะแนนเสียงเกินครึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร จึงชนะโหวตด้วยเสียงของ ส.ส.และผู้สนับสนุน
แต่ในการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคก้าวไกล และเพื่อไทยชนะมาด้วยกัน ก็ควรทำงานร่วมกันด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล หลีกเลี่ยงที่จะใช้มวลชนกดดัน แต่ควรหาทางทำภารกิจเพื่อประชาชนร่วมกันให้สำเร็จ ประเทศจึงจะได้ประโยชน์สูงสุด นอกจากนั้นหากจะพิจารณากันอย่างถ่องแท้ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 116 และ 119 ประธานสภาฯ ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเป็นกลาง โดยเป็นประธานของ ส.ส.ทั้งหมด ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล รัฐธรรมนูญมาตรา 116 จึงบัญญัติว่าประธานสภาและรองประธานสภาผู้แทนจะเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมืองในเวลาเดียวกันไม่ได้
ประธานสภาฯ ต้องผลักดันญัตติใดๆ ไม่ว่าจะเป็นของรัฐบาล ฝ่ายค้าน หรือประชาชนเข้าสู่สภา ไม่เลือกปฏิบัติ และหาทางลดอุปสรรคทั้งหลาย ตามหลักการปกครองระบอบประชาธิปไตยในระบอบรัฐสภา