หลังการเลือกตั้งได้ผ่านพ้นไปแล้ว ขณะนี้รอเพียงความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาลและวางตัวรัฐมนตรีที่จะมาดูแลขับเคลื่อนนโยบายสู่การลงมือปฎิบัติ โดยวันนี้ "อินโฟเควสท์" พามาดูนโยบายของพรรคอันดับ 1 คือ ก้าวไกล ที่ "ขาย" ไว้กับประชาชน มีเสียงตอบรับ หรือเสียงสะท้อนอย่างไรหลังสอบผ่านเข้ามาด้วยคะแนนเสียงอย่างท่วมท้น
DXT360 แพลตฟอร์มติดตามข่าวสารและเสียงของผู้บริโภค (Social Listening) ของบริษัท ดาต้าเซ็ต จำกัด ได้รวบรวมการกล่าวถึงนโยบายของ "พรรคก้าวไกล" ในสื่อโซเชียลมีเดีย ทั้งเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ยูทูบ และทวิตเตอร์ ในช่วงก่อนเลือกตั้งและหลังเลือกตั้ง (4-24 พ.ค.66)
พบว่า ชาวโซเชียลได้มีการโพสต์และทวิตข้อความเกี่ยวกับนโยบายพรรคก้าวไกล โดยมีจำนวนการกล่าวถึงและการมีส่วนร่วม หรือ Buzz (มาจากการกล่าวถึง (Mention) รวมกับการมีส่วนร่วม (Engagement)) สูงถึงกว่า 24,167,674 ครั้ง อันดับหนึ่งมาจากช่องทางเฟซบุ๊ก 18,356,132 รองลงมาคือ ยูทูบ 3,924,687 อินสตาแกรม 1,729,660 และทวิตเตอร์ 157,195 ตามลำดับ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นความคิดเห็นเชิงบวก
ช่วงก่อนเลือกตั้ง 10 วัน (วันที่ 4-13 พ.ค. 66) ชาวเน็ตโพสต์และทวิตข้อความเกี่ยวกับนโยบายของก้าวไกล โดยมี Buzz สูงถึงกว่า 4,803,460 ครั้ง ผ่านช่องทางเฟซบุ๊กมากที่สุด 3,335,494 รองลงมาคือยูทูบ 1,379,020 และอินสตาแกรม 88,946 ตามลำดับ ทั้งนี้ มีเทรนด์เกี่ยวกับนโยบายก้าวไกลมากที่สุดในวันที่ 11 พ.ค.
และ ช่วงหลังเลือกตั้ง 10 วัน (วันที่ 15-24 พ.ค. 66) ชาวเน็ตได้แห่เข้ามาโพสต์และทวิตข้อความเกี่ยวกับนโยบายจำนวนมากกว่าช่วงก่อนเลือกตั้ง โดยมี Buzz สูงถึงกว่า 18,625,065 ครั้ง ผ่านช่องทางเฟซบุ๊กมากที่สุด 14,410,049 รองลงมาคือยูทูบ 2,447,851 อินสตาแกรม 1,609,970 และทวิตเตอร์ 157,195 ตามลำดับ
ทั้งนี้ มีเทรนด์การพูดถึงนโยบายมากที่สุดในวันที่ 15 พ.ค. หรือวันหลังเลือกตั้ง
*แก้มาตรา 112
ถือเป็นนโยบายไฮไลต์ที่แสดงถึงจุดยืนของพรรคกาวไกลอย่างได้ชัดเจน และเป็นประเด็นที่มีการถกเถียงกันมานาน โดยพบว่า โลกโซเชียลมียอด Buzz สูงถึง 5,388,198 ความเห็นมีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับการแก้ไข ม.112 และประเด็นความสับสนระหว่างการยกเลิกม.112 และการแก้ไข หรือปรับปรุงม.112
อย่างไรก็ดี ประเด็นเรื่อง ม.112 มีการพูดถึงมากที่สุดในวันที่ 15 พ.ค. หรือหลังเลือกตั้ง และกลับมาเป็นกระแสอีกครั้ง ในวันที่ 22 พ.ค.หลังจากการทำ MOU ร่วมกับ 8 พรรคร่วมที่จะจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งไม่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการแก้ไข ม.112 โดยในโลกโซเชียลได้แสดงความเห็นว่า อยากเห็นความชัดเจนของพรรคก้าวไกลเรื่องการแก้ไขม.112 ขณะที่บางส่วนเห็นว่าถ้าได้เป็นรัฐบาลจริงๆ เรื่อง ม.112 ควรพักไว้ก่อน ควรให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้ดีขึ้นก่อน เพราะม.112 ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับคนส่วนใหญ่เท่ากับปัญหาปากท้อง และคนอีกบางส่วนเชื่อว่ารัฐบาลก้าวไกลคงไม่สามารถแก้ ม.112 ได้ เป็นต้น
*ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทุกปี เริ่มทันที 450 บาท
ปรับขึ้นค่าแรงเป็น 450 บาท เป็นอีกประเด็นที่โลกโซเชียลกล่าวถึงอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะเมื่อวันที่ 23 พ.ค.หลังการเซ็น MOU ชาวโซเชียลส่วนหนึ่งออกมาแสดงความกังวลว่าพรรคก้าวไกลจะไม่สามารถขึ้นค่าแรงได้ทันที 450 บาทตามที่หาเสียงไว้ โดยมียอด Buzz ถึง 1,146,591
ผู้ที่ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายนี้ ระบุว่า อยากให้เพิ่มค่าแรงขั้นต่ำแบบอัตราก้าวหน้า บริษัทใหญ่ได้คนเก่งค่าแรงตามคุณภาพ บริษัทเล็กนั่งคัดคนค่าแรงตามอัตตภาพ อีกส่วนเกรงว่าจะมีการ "เบี้ยว" เมื่อหลังเลือกตั้งได้ร่วมรัฐบาลอย่าอ้างว่าที่ทำไม่ได้เพราะเป็นรัฐบาลพรรคร่วม /ไม่ได้เป็นพรรคแกนนำ /ไม่ได้คุมกระทรวงด้านเศรษฐกิจ, ขณะที่อีกฝั่งหนึ่งเห็นว่าหากทำได้จริงคนไทยคงต้องเตรียมตกงาน เพราะจะมีการย้ายฐานการผลิตไปประเทศเพื่อนบ้านแทน
*ยกเลิกเกณฑ์ทหาร
เป็นอีกหนึ่งนโยบายไฮไลต์ของพรรคก้าวไกลเช่นกัน ที่มีการพูดถึงมาตั้งแต่ช่วงก่อนเลือกตั้ง โดยในช่วงเลือกตั้งโลกโซเชียลมียอด Buzz ที่กล่าวถึงนโยบายนี้สูงถึง 1,168,099 โดยเฉพาะในวันปราศรัยใหญ่ครั้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้งวันที่ 12 พ.ค. และกลับมาเป็นประเด็นร้อนอีกครั้งในวันที่ 22 พ.ค. หรือหลังเซ็น MOU ซึ่งประเด็นเรื่องการยกเลิกเกณฑ์ทหารเป็นหนึ่งในข้อตกลง 23 ข้อที่เห็นร่วมกัน 8 พรรค
ในช่วงเลือกตั้งโลกโซเชียลมียอด Buzz กล่าวถึงนโยบายนี้สูงถึง 1,168,099 ตัวอย่างความเห็น เช่น อยากให้ยกเลิกเกณฑ์ทหาร, ควรจะต้องมีทหารเหมือนเดิมแต่ต้องปรับปรุง กฏ ข้อระเบียบให้ดี ทันสมัย และ สวัสดิการต้องดี
*เงินผู้สูงวัยเดือนละ 3,000 บาท
นโยบายไฮไลต์ที่ผู้สูงอายุอยากได้ แต่ในโลกโซเชียลมีการพูดถึงความเข้าใจผิดเกี่ยวกับนโยบายนี้ เนื่องจากมีบางส่วนเข้าใจว่านโยบายดังกล่าวจะทำได้ทันที สำหรับการกล่าวถึงและการมีส่วนร่วมถึงนโยบายดังกล่าวมียอด Buzz ถึง 146,437 โดยมีการพูดทั้งก่อนเลือกตั้ง คือ ในวันที่ 6 พ.ค. และกลับมาเป็นประเด็นอีกครั้งหลังเลือกตั้ง ช่วงวันที่ 15-16 พ.ค.
ความเห็นเกี่ยวกับประเด็นนี้ เช่น เป็นนโยบายดีมาก เพราะผู้สูงอายุจะได้พอใช้ในการครองชีพ ไม่รบกวนลูกๆหลานๆ, ขอให้ทำจริงๆ ประชาชนจะได้มีชีวิตที่ดีขึ้น, น่าจะให้ 5,000 บาทจะได้ไม่เป็นภาระของลูกหลาน, รับปากใช่ว่าจะทำใด้ ถ้าทำใด้ก็ถือว่าสมราคา แต่ถ้าทำไม่ใด้คือระเบิดเวลา, นโยบายนี้ไม่รู้จะได้ตอนไหน ลุ้นๆ จะทำได้จริงไหม
*เพิ่มแต้มต่อให้ SME ?หวยใบเสร็จ?
ชาวโซเชียลมีการเปรียบเทียบระหว่างนโยบายเศรษฐกิจหลักๆ ของสองพรรค คือ นโยบายหวยใบเสร็จ ของก้าวไกล และนโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท ของพรรคเพื่อไทย โดยมีบางส่วนมีความสับสนในนโยบายของทั้งสองพรรค บางส่วนแสดงความเห็นว่าอยากได้นโยบายของเพื่อไทยมากกว่า และบางส่วนรอดูนโยบายหวยใบเสร็จ โดยพบว่าโลกโซเชียลมียอด Buzz ถึง 139,837
ความเห็นที่มีการพูดถึงนโยบายนี้ เช่น นโยบายของพรรคก้าวไกลขจัดความเหลื่อมล้ำในสังคมได้ มองทุกมิติไม่แบ่งแยก, กระจายรายได้สู่รายเล็ก ลดจำนวนคนจน, น่าจะเป็นนโยบายที่จับมือกับกระเป๋าเงินดิจิทัล ทั้งเงินในกระเป๋าเงิน การเก็บข้อมูลการซื้อของ สะสมยอดแลกหวย
*ตัดเงินบำนาญข้าราชการ?
?ตัดบำนาญข้าราชการ? กระแสข่าวปลอมที่ถูกพูดถึงมากในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งประเด็นนี้ทำให้เกิดการถกเถียงในโลกโซเชียลเป็นอย่างมาก โดยพบว่าโลกโซเชียลมียอด Buzz ถึง 136,470 และเป็นเทรนด์มากที่สุดในวันที่ 11 พ.ค. หรือก่อนเลือกตั้งเพียงไม่กี่วัน โดยความเห็นมีทั้งเสียงสนับสนุนและเสียงคัดค้าน อาทิ ไม่เลือกก้าวไกลเพราะกลัวตัดบำนาญ, ถ้าจะตัดบำนาญ ลดเงินเดือนข้าราชการการเมืองก่อนดีไหม เสียงที่เห็นด้วยเพราะเห็นว่าเป็นภาระงบประมาณแผ่นดิน เป็นต้น
*นโยบายก้าวไกล vs เพื่อไทย
ในระหว่างโลกโซเชียลกล่าวถึงนโยบายของพรรคแกนนำที่จะร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล พบว่านโยบายของพรรคเพื่อไทยที่ได้คะแนนเสียงมาเป็นอันดับ 2 รองจากพรรคก้าวไกล เป็นนโยบายที่ถูกพูดถึงไม่แพ้นโยบายของก้าวไกล โดยเฉพาะในวันที่ 15 พ.ค. ซึ่งมีทั้งประเด็นเข้าใจผิด สับสนนโยบายของทั้งสองพรรค การเปรียบเทียบข้อดี ข้อเสีย ของนโยบายทั้งสองพรรค หรือแม้กระทั่งอยากได้นโยบายของพรรคเพื่อไทยมากกว่าก้าวไกล
สำหรับนโยบายที่มีการกล่าวถึง อาทิ ด้านคมนาคม ก้าวไกลมีไฮไลต์ คือ รถเมล์ไฟฟ้าทุกจังหวัด-เพิ่มขนส่งสาธารณะ ส่วนเพื่อไทยมีไฮไลต์ คือ รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย อย่างไรก็ดี มีชาวโซเชียลออกมาแสดงความเห็นว่า ก้าวไกล ก็มีนโยบายรถเมล์และรถไฟฟ้า 8-45 บาทตลอดสาย ใช้บัตรใบเดียวครอบคลุมทั้ง กทม.
นอกจากนี้ ยังมีนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่ถูกกล่าวถึง อาทิ นโยบายฉีดวัคซีน HPV ฟรี, นโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ที่ถูกพูดถึงว่าเป็นนโยบายที่น่าสนใจ โดยพบว่ามียอด Buzz สูงถึง 6,759,999
จากกระแสโซเชียลจะเห็นว่า ประชาชนค่อนข้างให้ความสนใจนโยบายของพรรคก้าวไกลที่คิดออกมาได้แปลกใหม่กว่าที่เคยเป็น ส่วนจะออกมาปฏิบัติได้จริงแค่ไหน จะทำให้ประเทศไทยก้าวหน้าตามที่หาเสียงไว้ คงต้องรอความชัดเจนต่อไป