นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ปัญหาความขัดแย้งตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรระหว่างพรรคก้าวไกลและเพื่อไทยว่า เดิมทีทั้ง 2 พรรคมีการตั้งทีมเจรจาในเรื่องต่างๆ อยู่ รวมถึงเรื่องของตำแหน่งประธานสภาฯ ด้วย ซึ่งทีมเจรจาของพรรคเพื่อไทยได้เสนอเรื่องดังกล่าวไปก่อนหน้านี้แล้วว่าตำแหน่งประธานสภาฯ ควรเป็นของพรรคเพื่อไทย เพราะพรรคก้าวไกลได้ตำแหน่งประมุขฝ่ายบริหารไปแล้ว
"ทีมเจรจาของพรรคก้าวไกล ระบุว่าจะรับไปพิจารณาหารือกันภายในแล้วจะประสานกลับมา ซึ่งเราก็รออยู่จนถึงตอนนี้ และก็ยังไม่ได้รับการประสานกลับมาเพื่อเชิญเราพูดคุยถึงเรื่องนี้" นายภูมิธรรม กล่าว
ดังนั้นการแถลงข่าวของน.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล หรือการออกมาแสดงความคิดเห็นของสมาชิกพรรคก้าวไกล ถือเป็นเสียงสะท้อนของบุคคลนั้นๆ ไม่ใช่จากตัวแทนของทีมเจรจาแต่อย่างใด
"ทุกพรรคมีสิทธิคิดได้ แต่ควรหารือกันด้วยเหตุผลจนได้ข้อสรุปผ่านทีมเจรจาของทั้งสองฝ่ายก่อนที่ใครจะมาแถลงต่อสาธารณะ หากตำแหน่งประธานสภาฯ เป็นของพรรคเพื่อไทย การเดินหน้าผลักดันกฎหมายต่างๆ ย่อมว่ากันไปตามกฎระเบียบวาระของสภาไม่มีอะไรที่ต้องขัดแย้ง หรือต้องวิตกกังวล อะไรที่ทำได้ก็ทำ อะไรที่ทำไม่ได้ก็คือทำไม่ได้ ทุกเรื่องว่ากันไปตามกฎระเบียบข้อบังคับ ไม่ใช่ว่ากันตามอำเภอใจของใคร หรือพรรคใดพรรคหนึ่ง" นายภูมิธรรม กล่าว
ส่วนกรณีที่มีผู้เสนอให้นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ เป็นประธานสภา เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า ทุกเรื่องยืนมาตั้งแต่ต้นว่าต้องพูดคุยในวงเจรจาของ 2 พรรคเท่านั้น รวมถึงเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งพรรคเพื่อไทยยืนยันหลักการนี้มาตลอด การพูดคุยข้างนอกมีแต่จะสร้างความแตกแยกและสร้างปัญหามากขึ้น
นายสุธรรม แสงประทุม ว่าที่ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และอดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวแสดงความคิดเห็นในการเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรที่ยังแตกต่างกันว่า เชื่อว่าจะไม่เป็นแรงกดดันให้พรรคเพื่อไทยถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล เพราะพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคที่มีวุฒิภาวะทางการเมือง ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก ประสบความสูญเสียที่หนัก ถูกยึดอำนาจ ถูกทำลายพรรคหลายครั้งทุกรูปแบบ ทำให้ทนทาน ตอนนี้มีอุปสรรคเล็กน้อยระหว่างกระบวนการเท่านั้น อาจยุ่งเหยิงบ้าง แต่สุดท้ายจะมีผลสัมฤทธิ์และผลสำเร็จนั้นแน่นอน
นายสุธรรม กล่าวว่า อยากให้พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยได้ปรึกษาหารือกัน หากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับรองผลการเลือกตั้งแล้ว ภายใน 15 วัน คิดว่ายังทันในการสรรหาบุคคลที่ดีที่สุดสำหรับบ้านเมือง
นายสุธรรม กล่าวว่า ไม่อยากให้ความเห็นนอกระบบมาก่อกวนการจัดตั้งรัฐบาล โดยเชื่อว่าฝ่ายประชาธิปไตยจะสามารถตกลงกันได้ตามครรลอง โดยยึดเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง เพราะดูจาก MOU ที่ร่วมหารือกันถือว่าไปได้ 80% แล้ว เชื่อว่าการประชุมสภาจะเป็นทางออก มากกว่าต่างคนต่างพูด ต่างคนต่างแสดงความคิดเห็น อยากให้ทุกคนเดินหน้าต่อไปตามที่ประชาชนคาดหวังอยากเห็นบ้านเมืองรอดพ้นจากวิกฤตที่เจอมาตลอด 8-9 ปีที่ผ่านมา เชื่อว่ากลไกทางสภา เมื่อมีการรับรอง ส.ส. มีการประชุมสภา เลือกประธานสภาและนายกรัฐมนตรี เชื่อว่าจะฟื้นความเชื่อมั่นให้กับประเทศได้ ทั้งความเชื่อมั่นจากต่างประเทศ ความเชื่อมั่นนักลงทุนและประชาชนที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองไปในทิศทางที่ถูกต้อง
"ผมอยากให้ กกต.ดำเนินการเรื่องนี้ตามครรลอง เร่งรับรองผลการเลือกตั้ง เพื่อเร่งจัดตั้งรัฐบาล นโยบายดีๆมีอีกเยอะมาก ที่พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล และพรรคอื่นๆ ต้องผลักดัน พรรคเพื่อไทยมีวุฒิภาวะ ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ เจอความสูญเสียที่หนัก ผมขอชื่นชมฝ่ายประชาธิปไตย ที่ได้ฟอร์มทีมแลกเปลี่ยนปรึกษาหารือ เพื่อจัดตั้งรัฐบาลบริหารประเทศ ไม่อยากให้กลไกนอกสภา เข้ามามีบทบาทพลิกผันเจตนารมณ์ของประชาชน" นายสุธรรม กล่าว
ส่วนกรณีมีการเสนอให้นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ เป็นประธานสภาฯ หากพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลตกลงกันไม่ได้นั้น นายสุธรรม กล่าวว่า ต้องให้สภาฯ เป็นคนหาคำตอบ ความคาดหวังมีหลายแบบ ท้ายที่สุดที่ประชาชนเลือกตั้งมา ใช้งบประมาณประเทศมหาศาล และรอคอยมายาวนานเราอยากเห็นดอกผลนี้เป็นจริง ไม่อยากเห็นการเสียโอกาสเกิดขึ้น หนทางข้างหน้ายังมีอีกมาก เรื่องต่างๆ เชื่อว่าจะคลี่คลายได้ โดยขอให้เอาเป้าหมายใหญ่ของส่วนรวมทั้งหมดเป็นหลัก
นอกจากนี้ กรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทวิตและรีทวีตข้อความต่างๆ มีผลต่อการร่วมรัฐบาลกับพรรคก้าวไกลหรือไม่นั้น นายสุธรรม กล่าวว่า ไม่มี ตนไม่เชื่อว่าใครจะชี้นำเจตนารมณ์ของประชาชนที่ยิ่งใหญ่ได้