นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย แย่งชิงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรว่า ตำแหน่งประธานสภา ไม่สามารถชี้เป็นชี้ตายอะไรได้ แต่มีความหมายในเชิงสัญลักษณ์ พร้อมกล่าวว่า ตำแหน่งประธานสภาฯ ทุกพรรคก็อยากได้ทั้งนั้น เพราะเป็นประธานสภาเท่ากับเป็นหนึ่งใน 3 องค์อำนาจ
ส่วนที่พรรคก้าวไกล เกรงว่า ไม่ได้ตำแหน่งประธานสภาฯ จะกระทบไปถึงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีด้วยหรือไม่ เรื่องนี้อยู่ที่ MOU ตกลงกันอย่างไร เพราะอำนาจหน้าที่ของประธานสภาฯ คงจะไปกำหนดอะไรตามใจชอบไม่ได้ หรือชี้เป็นชี้ตายไม่ได้ มีอำนาจดูแลข้าราชการสภา และมีอำนาจกำหนดวันประชุมสภา ส่วนจะบรรจุวาระต่างๆ เป็นไปตามข้อบังคับการประชุมสภา และประธานสภาต้องวางตัวเป็นกลาง ซึ่งคนที่มาทำหน้าที่ประธานสภา ต้องลาออกจากหัวหน้าพรรคหรือกรรมการบริหารพรรคด้วย
ส่วนการโหวตตำแหน่งประธานสภาฯ สามารถเสนอมากกว่า 1 คนและโหวตแข่งกันได้ แต่มองว่าหากพรรคที่ได้คะแนนเสียงอันดับ 1 และอันดับ 2 จะมาโหวตแข่งกัน เป็นเรื่องแปลกประหลาด แต่ทางการเมืองทุกอย่างสามารถเป็นไปได้ทั้งนั้น
สำหรับวาระการดำรงตำแหน่งของประธานสภาฯ นั้น นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่เคยมีธรรมเนียมที่ให้ประธานออกจากตำแหน่ง นอกจากเสียชีวิต ลาออก หรือสภาหมดอายุ
นายวิษณุ ปฏิเสธแสดงความเห็นว่า ทั้ง 2 พรรคควรมีแนวทางอย่างไรจึงจะทำให้เกิดความราบรื่นและเดินหน้าไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลได้
"คงไม่ออกความเห็น เป็นเรื่องของเขา เขาเดินหน้าจนเซ็น MOU ผมก็ตายใจนึกว่า ทุกอย่างตกลงเรียบร้อย เตรียมเก็บของแล้ว" นายวิษณุ กล่าว
หากนายพิธา ไม่ผ่านการลงมติจากที่ประชุมรัฐสภา นายวิษณุ กล่าวว่า อำนาจอยู่ในมือประธานสภาฯ แล้วว่า อีก 7 วันมาเลือกกันใหม่ หรือ 15 วัน เลือกใหม่ ซึ่งประธานสภาฯ จะเป็นผู้ชี้เป็นชี้ตายตรงนี้ ถ้าโหวตรอบสองจะเสนอชื่อแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีคนเดิมหรือชื่อใหม่ก็ได้ หรือทิ้งทั้งหมด แล้วไปเสนอคนนอกก็ได้ หรือแม้จะเสนอคนนอก จะเสนอคนในบัญชีรายชื่อแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีอีกก็ได้
"พอไปถึงรอบ 2 รอบ 3 รอบ 4 รอบ 5 ถึงจะเสนอคนเดิม แต่จะมีการเสนอคนแข่งแล้ว" นายวิษณุ กล่าว
ส่วนจะมีการเล่นเกมการเมือง โดยพรรคเพื่อไทยเสนอแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีแข่งหรือไม่ ตนไม่ทราบ และไม่ทราบว่ามีโอกาสพลิกขั้วหรือไม่
"ไม่ทราบ ขอไม่ตอบ อย่ามาถามทางซีกรัฐบาลเลย ไปถามซีกที่เซ็น MOU ดีกว่า" นายวิษณุ กล่าว