นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีที่นายจเด็จ อินสว่าง ส.ว. ออกมาเสนอให้จัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติว่า ถือเป็นเพียงความคิดเห็นที่แตกต่าง ซึ่งเราก็รับฟัง แต่มองว่าการเสนอให้มีรัฐบาลแห่งชาติ ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยในประเทศต่างๆ ซึ่งรัฐบาลแห่งชาติ จะมีขึ้นในภาวะที่เกิดวิกฤติรุนแรงภายในประเทศนั้นๆ เช่น ภาวะสงคราม ที่ประเทศต้องการความเป็นเอกภาพร่วมกันในการแก้ไขวิกฤติรุนแรง
แต่ปัจจุบันประเทศไทยยังไม่ได้เกิดวิกฤติขั้นนั้น ระบอบประชาธิปไตยยังมีช่องทางเดินต่อไปได้ตามรัฐธรรมนูญ การเลือกตั้งครั้งนี้ฝ่ายประชาธิปไตยได้เสียงเกินกว่า 300 เสียง ซึ่งต้องคำนึงถึงเจตจำนงและความคาดหวังของประชาชนด้วย ดังนั้นเราต้องช่วยกันผลักดันเจตจำนงและความคาดหวังของประชาชนให้สำเร็จ
ส่วนที่มีข้อกังวลเกี่ยวกับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกลนั้น เป็นเพียงการคาดเดากันไปต่างๆ นานาหากมีข้อจำกัดก็ต้องหาทางออกตามรัฐธรรมนูญ ให้ทุกฝ่ายยอมรับในเจตจำนงของประชาชน อย่างไรก็ตาม หากเกิดปัญหาขึ้นจริงๆ จนถึงขั้นไปต่อไม่ได้ ต้องสอบถามผู้ที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งว่ายอมรับได้หรือไม่ ทุกฝ่ายต้องช่วยกันหาทางออกร่วมกัน แต่ขณะนี้อย่าเพิ่งตัดช่องทางต่างๆ เพื่อหวังจะตั้งรัฐบาลแห่งชาติ
"วันนี้ประเทศไทยเพิ่งผ่านการเลือกตั้งมา ประชาชนแสดงเจตจำนงชัดเจน ก็ต้องทำให้เจตจำนงนั้นประสบความสำเร็จให้ได้ เชื่อว่าฝ่ายประชาธิปไตยสามารถจัดตั้งรัฐบาลของประชาชนได้สำเร็จ และแม้รัฐธรรมนูญที่ใช้อยู่ ยังไม่เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบ แต่ก็มีกฎเกณฑ์กติกาให้เราเดินต่อไปได้อยู่ ส่วนเมื่อมีรัฐบาลและเปิดสภาฯ แล้วจ แก้ไขรัฐธรรมนูญกันอย่างไร ก็ว่ากันไป" นายภูมิธรรม ระบุ
ส่วนการนัดประชุมวันที่ 6 มิ.ย. ของ 8 พรรคร่วมที่จะจัดตั้งรัฐบาล จะมีการพูดคุยถึงตำแหน่งประธานสภาฯ หรือตำแหน่งรัฐมนตรีหรือไม่นั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า การประชุมวันที่ 6 มิ.ย. มีวาระเรื่องการกำหนดทิศทางในการทำงานร่วมกัน เพื่อหาทางออกให้ประชาชน จะพูดถึงการนำนโยบายของพรรคต่างๆ มาร่วมกันแก้ปัญหาให้ประชาชน
"เราต้องเอาความคาดหวังของประชาชนเป็นที่ตั้ง เพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชนก่อน ส่วนเรื่องตำแหน่งนั้น เป็นเรื่องที่จะพูดกันภายหลังวาระของประชาชนเสร็จสิ้นแล้ว" นายภูมิธรรม กล่าว
ด้านนายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้ความเห็นว่าหากนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส. ในประเด็นถือหุ้นไอทีวี และถูกร้องเรื่องการรับรองผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคก้าวไกล อาจจะต้องเลือกตั้งซ่อมทั้งประเทศในเขตที่พรรคก้าวไกลชนะว่า การจะเลือกตั้งซ่อมใหม่ทั่วประเทศนั้น ห่างไกลมาก นายพิธา ลงนามส่งคนลงสมัครในฐานะหัวหน้าพรรค ไม่ใช่ฐานะส.ส. หรือนายกรัฐมนตรี ความเป็นหัวหน้าพรรคถูกต้องตามกฎหมายและข้อบังคับพรรค ไม่เกี่ยวกับถือหุ้นหรือไม่ถือหุ้น