นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีการถือหุ้น บมจ.ไอทีวี ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่า ทางพรรคฯ ได้เตรียมพร้อมการต่อสู้ในข้อกฏหมายไว้แล้ว และไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการเป็นสมาชิกพรรคของนายพิธา แต่อย่างใด และเห็นว่าเรื่องนี้เป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง และหวังผลทางการเมือง
นอกจากนี้ ยังตั้งข้อสังเกตว่าจุดประสงค์ของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ที่พูดเรื่องการถือหุ้นสื่อของนายพิธา เพราะจะต้องการชี้นำ ส.ว.หรือไม่ เป็นการชี้นำสังคม เพื่อให้ส.ว.เกิดความลังเลใจ สุดท้ายแล้วคือการหวังส้มหล่นทางการเมือง และการแสดงความเห็นทางกฏหมายของนายวิษณุ ก็ไม่ได้ถูกต้องทุกเรื่อง
ส่วนกรณีที่นายจเด็จ อินสว่าง สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ออกมาเสนอให้มีการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ นั้น นายรังสิมันต์ มองว่า ประเทศไทยยังไม่อยู่ในสถานะที่ต้องไปสู่การตั้งรัฐบาลแห่งชาติ และยังเชื่อว่าจะสามารถเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลตามที่ประชาชนมอบฉันทามติให้กับพรรคก้าวไกล
"วันนี้สถานการณ์ประเทศ ไม่ได้เจอวิกฤตหรือปัญหา จนทำให้เราไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้ วันนี้ประเทศไทยมีทางออก ในทางกลับกัน ถ้าทำแบบที่นายจเด็จเสนอ ประชาชนจะไม่ยอมรับ ดังนั้นจึงควรให้พรรคก้าวไกลได้พิสูจน์ตัวเอง ถ้าเราใช้แต่วิธีการนอกรัฐธรรมนูญ ใช้วิธีการไม่สอดคล้องกับระบอบประชาธิปไตย ประเทศจะมีแต่วิกฤต และความเห็นของนายจเด็จ ไม่ใช่ความเห็นทั้งหมดของ ส.ว. เชื่อว่ายังมี ส.ว.ส่วนหนึ่งที่ให้การสนับสนุนพรรคก้าวไกล" นายรังสิมันต์ กล่าว
โฆษกพรรคก้าวไกล ยังกล่าวด้วยว่า ถือเป็นเรื่องแปลกประหลาด ที่ผ่านการเลือกตั้งมาแล้ว 2 สัปดาห์ กลับไม่เคยเห็นสปิริตจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่จะแสดงความยินดีกับพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นผู้ชนะการเลือกตั้งที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชน ตรงกันข้าม กลับเห็นท่าทีของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ที่หวังส้มหล่นจากรัฐบาลของพรรคก้าวไกล และหวังตัวเองจะเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป
นอกจากนี้ ยังไม่เห็นการเตรียมความพร้อมของรัฐบาลชุดรักษาการ ในการส่งมอบงานเพื่อให้กับรัฐบาลใหม่ ทั้งๆ ที่ผลการเลือกตั้งชัดเจนว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันจะไม่ได้เป็นรัฐบาลต่อไป
"ไม่สายเกินไป ถ้าจะได้ยินจากปากพล.อ.ประยุทธ์ ยอมรับความพ่ายแพ้การเลือกตั้ง เพื่อทำให้การเปลี่ยนผ่านรัฐบาล เป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น เหมือนหลายประเทศที่เจริญแล้วเขาทำกัน และการแสดงสปิริตแบบนี้ เป็นการสร้างบรรยากาศที่ดี ที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนผ่านการทำงานให้เกิดความราบรื่นของรัฐบาลใหม่ด้วย" นายรังสิมันต์ กล่าว
พร้อมยืนยันว่า การเดินสายไปหารือกับภาคเอกชน และส่วนราชการของนายพิธา ในช่วงที่ผ่านมานั้น ไม่ได้เป็นการละลาบละล้วงส่วนราชการ แต่เป็นการเตรียมความพร้อมในการเป็นรัฐบาล เพื่อให้การทำงานในช่วงเปลี่ยนผ่านเป็นไปอย่างราบรื่นไม่สะดุด