นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล, นายวรภพ วิริยะโรจน์ ทีมเศรษฐกิจพรรคก้าวไกล รวมทั้งว่าที่ ส.ส.และตัวแทนจากพรรคก้าวไกล ร่วมประชุมรับฟังข้อเสนอแนะนโยบายด้านการกระจายอำนาจของพรรคก้าวไกล ร่วมกับสมาคมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทั้ง 3 สมาคม ประกอบด้วย สมาคมสันนิบาตเทศบาล, สมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัด และสมาคมองค์การบริหารส่วนตำบล
โดยประเด็นหลักในการหารือวันนี้ เป็นการประมวลข้อเสนอจากทั้ง 3 สมาคมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เข้ากับข้อเสนอต่างๆ ในนโยบายการกระจายอำนาจของพรรคก้าวไกล พร้อมทั้งร่วมแลกเปลี่ยนกันในประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
นายพิธา กล่าวว่า วันนี้ตั้งใจมารับฟังจากความเห็นจากตัวแทน อปท. ทุกคนถึงอุปสรรคในการทำงาน และเป้าหมายในอนาคต เมื่อจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ
พร้อมระบุว่า นายก อปท.ทุกคนต่างทราบดีว่าอำนาจบริหารท้องถิ่นทุกวันนี้ถูกมัดมือมัดเท้า อำนาจบริหารทำไม่ได้ด้วยกฎหมาย การเงิน การขาดอำนาจต่อรอง และการตรวจสอบที่ไม่ได้มาจากประชาชน ทั้งหมดนี้นำไปสู่สภาพที่อำนาจการตัดสินใจงบประมาณ 84% อยู่กับส่วนกลาง เหลืออยู่ที่ท้องถิ่นแค่ 16% ซึ่งไม่เคยเห็นประเทศไหนที่เป็นแบบนี้จะสามารถก้าวข้ามกับดักประเทศรายได้ปานกลางไปได้
ดังนั้น เชื่อว่าเป้าหมายที่ต้องการเห็นร่วมกัน คือ การกระจายความเจริญ กระจายอำนาจ กระจายงบประมาณ กระจายบุคลากร และการกระจายภารกิจ ซึ่งพรรคก้าวไกลมีแผนการทั้งในระยะ 100 วันแรก, 1 ปีแรก และ 4 ปีแรกของรัฐบาล ที่จะนำเสนอเพื่อขอรับฟังความคิดเห็นจากทุกคนในวันนี้ กล่าวคือ
- ภายใน 100 วันแรก ยกเลิกระเบียบกระทรวงมหาดไทยที่เป็นอุปสรรคต่อการกระจายอำนาจ และการทำงานของท้องถิ่น รวมถึงคำสั่ง คสช. 8/2560 เพื่อคืนอำนาจการคัดเลือกบุคลากรให้ท้องถิ่น ให้ท้องถิ่นสามารถทำบริการสาธารณะได้ทั้งหมด ยกเว้นที่ห้ามทำ รวมทั้งการแก้ไข พ.ร.บ.แผนขั้นตอนการกระจายอำนาจ และแก้ไข พ.ร.บ.จัดตั้ง 5 ท้องถิ่น ให้ออกระเบียบการเบิกจ่ายเองได้
- ภายใน 1 ปีแรก จัดทำประชามติให้มีการเลือกตั้งผู้บริหารจังหวัด และยกเลิกราชการส่วนภูมิภาค พร้อมกับการแก้ไข พ.ร.บ.ข้าราชการท้องถิ่นให้สอดคล้องกัน
- ภายใน 4 ปีแรก บรรลุเป้าหมายการถ่ายโอนภารกิจ งบประมาณ และบุคลากร โดยมีเป้าหมายอยู่ที่ 2 แสนล้านบาทต่อปีภายใน 4 ปี
หัวหน้าพรรคก้าวไกล ยังระบุว่า การกระจายอำนาจ คือการระเบิดพลังทางเศรษฐกิจ 7 พันกว่าลูกพร้อมๆ กัน ผลการศึกษาเกี่ยวกับการกระจายอำนาจ ล้วนแต่บ่งชี้ไปในทางเดียวกันว่า ยิ่งมีการกระจายอำนาจมาก ก็ยิ่งทำให้ GDPโตมากขึ้น ยิ่งกระจายอำนาจมาก ความเหลื่อมล้ำแต่ละภูมิภาคก็ยิ่งลดลง และยิ่งกระจายอำนาจมาก การทุจริตก็จะยิ่งลดลง
ดังนั้น ความเจริญทางเศรษฐกิจ การลดความเหลื่อมล้ำ และการลดการทุจริต คือความสำคัญของการกระจายอำนาจ ซึ่งไม่ใช่แค่สำหรับประเทศที่พัฒนาแล้วเท่านั้น แต่รวมถึงประเทศที่กำลังพัฒนาด้วย ทั้งหมดเป็นสถิติที่มากพอที่บ่งชี้ไปในทางเดียวกันว่าการทำให้ท้องถิ่นมีอำนาจ งบประมาณ และบุคลากรเพียงพอ จะนำไปสู่การระเบิดพลังทั้งทางเศรษฐกิจ การลดความเหลื่อมล้ำ และการลดการทุจริตไปได้พร้อมกัน
"ไม่มีอะไรท้าทายเกินความคาดหวังของประชาชน การกระจายอำนาจ มีทั้งสิ่งที่ทำได้โดยรวดเร็ว มีทั้งสิ่งที่ทำได้อย่างรวดเร็วและต้องรอบคอบ และมีสิ่งที่ต้องอาศัยส่วนร่วมจากประชาชน มีเรื่องที่รัฐบาลทำได้เลย มีเรื่องที่ต้องทำประชามติ และบางเรื่องต้องมีการแก้รัฐธรรมนูญ ทั้งหมดนี้ มั่นใจว่าจะทำให้เกิดความเข้าใจ และสบายใจร่วมกันว่าการกระบายอำนาจไม่ใช่เรื่องสุดโต่ง แต่เป็นสิ่งที่จะนำความเจริญมาสู่พี่น้องประชาชนคนไทย และประเทศไทย" นายพิธากล่าว