นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ปฏิเสธแสดงความคิดเห็น กรณีการถือหุ้นสื่อของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ประเด็นที่หากหัวหน้าพรรคขาดคุณสมบัติในการรับรองการส่งผู้สมัคร ส.ส. ซึ่งจะส่งผลให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ แล้วต้องจัดเลือกตั้งใหม่ โดยนายวิษณุ กล่าวเพียงว่า ไม่ขอตอบอะไรอีกแล้ว แต่ที่ตอบไปวันก่อน เพราะสื่อมวลชนมาถาม และอยากรู้ ตนจึงให้ความรู้ และควรจบไว้แค่นั้น เพราะถ้าขยายความต่อไป จะไม่เป็นธรรมกับพรรคก้าวไกล ที่กำลังดำเนินการตามแนวทางที่พรรคทำอยู่
"อย่าไปทำอะไรให้กระบวนการของเขาสะดุด และหากพูดมากกว่านี้ ก็แปลว่าตั้งใจให้เขาสะดุด เมื่อผมไม่ได้ตั้งใจ ก็อย่าไปพูดอะไรอีก...ช่วยไปถามคนอื่นก็แล้วกัน" นายวิษณุ กล่าว
พร้อมกันนี้ นายวิษณุ ยังปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นกรณีที่นายจเด็จ อินสว่าง สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เสนอให้มีรัฐบาลแห่งชาติ โดยระบุว่า ประเทศไทยไม่เคยมี แต่บางประเทศเคยมี ยอมรับว่าเป็นธรรมดา เมื่อบ้านเมืองเกิดปัญหา ก็มักจะนึกถึงคำว่ารัฐบาลแห่งชาติ จึงไม่แปลกที่จะคิดและเสนอความคิดแบบนี้ออกมา แต่ถ้าหากสังคมไม่ยอมรับ ก็ควรจะหยุดคิด
ส่วนรัฐธรรมนูญจะเปิดช่องให้ทำได้หรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ ต้องไปถามนายจเด็จ
"ไม่ตอบ เพราะหากผมตอบ จะกลายเป็นไปรับลูก ส.ว.จเด็จ แล้วจะกลายเป็นคนนึงเป็นปี่ คนนึงเป็นขลุ่ย ผมไม่ควรจะตอบอะไรแล้ว" นายวิษณุ กล่าว
นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่สามารถขอยกเว้นการใช้รัฐธรรมนูญบางมาตราได้ รัฐธรรมนูญมีกว่า 200 มาตรา จะไปยกเว้นได้อย่างไร สมัยพระยามโนปกรณ์นิติธาดา อดีตนายกรัฐมนตรี เคยยกเว้น แต่นั่นคือการยึดอำนาจ
ส่วน ส.ว.ควรโหวตตามเสียงข้างมากหรือไม่นั้น นายวิษณุ ขอไม่ตอบ แต่จะไปบังคับให้ ส.ส.หรือ ส.ว.โหวตไม่ได้ เพราะต้องมีความเป็นอิสระ เนื่องจากรัฐธรรมนูญจะกำหนดไว้ว่าเรื่องใดต้องโหวตตามพรรค และมีเรื่องใดบ้างที่โหวตได้ตามใจ
"ปี 2562 มี ส.ส.ของพรรคภูมิใจไทย ที่ไม่โหวตเลือก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ก็ไม่เป็นอะไร และใครก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้ด้วย จะไล่ออกจากพรรคต้องมีเรื่อง แต่ละคนมีความรู้ มีหัวจิตหัวใจ ก็คิดกันเองแล้วกัน" นายวิษณุ กล่าว