แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยว่า ในการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) อย่างน้อย 95% เพื่อให้มีการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดแรกได้นั้น ตามขั้นตอนของกฎหมาย กกต. ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าการเลือกตั้งมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าเป็นไปด้วยความสุจริตและเที่ยงธรรม ซึ่งขณะนี้คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งมีเข้ามาประมาณ 280 เรื่อง ต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบ และให้โอกาสผู้ถูกร้องได้ชี้แจงข้อเท็จจริง
"คำร้องมีทั้งเรื่องหนัก และเรื่องเบา บางเรื่องตรวจสอบแล้วไม่มีมูล จึงสั่งไม่รับไว้พิจารณา ส่วนคำร้องที่รับไว้พิจารณา ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างสืบสวนหาข้อเท็จจริง ต้องพิจารณาด้วยความรอบคอบ ตรวจสอบทั้งเอกสารพยานหลักฐานจากทางผู้ร้อง และเปิดโอกาสให้ผู้ถูกร้องได้ชี้แจงข้อเท็จจริงด้วย" แหล่งข่าว ระบุ
สำหรับผู้ชนะการเลือกตั้งหรือว่าที่ส.ส. 500 คน จากการตรวจสอบพบว่ามีเรื่องร้องเรียนประมาณ 20-30 คน จากทุกพรรคการเมืองที่ได้รับเลือกตั้ง โดยมีทั้งประเด็นการซื้อสิทธิขายเสียง การหาเสียงหลอกลวง ใส่ร้ายป้ายสี ส่วนความหนักเบาของเรื่องจะต้องดูตามข้อเท็จจริงอีกครั้ง
ดังนั้น เมื่อผู้ชนะการเลือกตั้งหรือว่าที่ ส.ส.ถูกยื่นร้องให้ตรวจสอบ ตามขั้นตอน กกต.จะต้องสืบสวนข้อเท็จจริง เพราะตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 127 ที่กำหนดว่า การเลือกตั้งทั่วไป กกต.จะประกาศผลการเลือกตั้งส.ส.แบบแบ่งเขตได้ เมื่อตรวจสอบเบื้องต้นแล้วมีเหตุอันควรเชื่อว่าผลการเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม และมีจำนวนไม่น้อยกว่า 95% ของเขตเลือกตั้งทั้งหมด
"เมื่อมีว่าที่ผู้สมัครส.ส. กว่า 20-30 คน ถูกยื่นร้องให้ตรวจสอบ จึงทำให้ กกต.ไม่สามารถทยอย หรือแยกประกาศผลการเลือกตั้งส.ส. บางเขตไปก่อนได้ แต่ยืนยันว่ากระบวนการประกาศรับรองส.ส.จะเป็นไปตามขั้นตอน ไม่ช้า จะพยายามเร่งพิจารณาให้เสร็จตามกรอบระยะเวลาภายใน 60 วัน แต่จะไม่รวบรัด ป้องกันซ้ำร้อยกรณีการให้ใบส้มนายสุรพล เกียรติไชยากร อดีตผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย (พท.)" แหล่งข่าวกล่าว
พร้อมคาดว่าภายในสัปดาห์นี้ สำนักงานกกต. จะเสนอเรื่องให้ที่ประชุมกกต.พิจารณาสั่งนับคะแนนส.ส.แบบบัญชีรายชื่อใหม่ เนื่องจากพบว่ามีบางหน่วยผลคะแนนไม่เท่ากับจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง หรือเรียกว่า "คะแนนเขย่ง"
"อาจเกิดขึ้นในขั้นตอนการขีดซ้ำ หรือลืมขีดตอนขานคะแนน ส่งผลให้คะแนนออกมาไม่ตรงกับจำนวนคนที่มาใช้สิทธิและจำนวนบัตรเลือกตั้ง แบบนี้เรียกว่าคะแนนเขย่ง ไม่ใช่บัตรเขย่ง ตรงนี้มีความสำคัญกับคะแนนของพรรคในส่วนของ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เนื่องจากต้องนำคะแนนของทุกหน่วยเลือกตั้ง มาคำนวณเพื่อหาจำนวน ส.ส. ทศนิยมอาจวิ่งไปวิ่งมาได้ทุกพรรค แต่ไม่ได้สั่งให้นับคะแนนใหม่ทั้งหมด จะนับเพียงบางหน่วยเท่านั้น" แหล่งข่าวระบุ
ดังนั้น ขณะนี้จะมี 2 เงื่อนไข คือ 1. การนับคะแนนเขย่งของ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ 2 .การพิจารณาประกาศรับรองส.ส.แบบแบ่งเขต ซึ่งจะประกาศครั้งแรกได้ต้องไม่น้อยกว่า 95% ซึ่งขณะนี้ยังไม่ครบจำนวน เพราะมีผู้ชนะการเลือกตั้ง หรือว่าที่ส.ส.ถูกร้องเรียนอยู่ประมาณ 20-30 คน