นายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง และการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา เปิดเผยว่า ที่ประชุมฯ ได้หารือถึงข้อเสนอทางการเมืองต่อประเด็นการตั้งรัฐบาลแห่งชาติ เพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤต หรือปัญหาการเลือกนายกรัฐมนตรี ตามที่นายจเด็จ อินสว่าง ส.ว. เสนอให้ทุกพรรคตั้งรัฐบาลทำงานร่วมกัน
โดยที่ประชุมฯ เห็นว่าเป็นการมองการณ์ไกล และไม่ใช่เจตนาร้าย แต่เป็นความหวังดี เพื่อจะแก้ปัญหาวิกฤตการเลือกนายกฯ ที่อาจมีข้อขัดแย้งในประเด็นคุณสมบัติการเป็นผู้สมัคร ส.ส. การถือหุ้นสื่อไอทีวี รวมถึงนโยบายที่มีประเด็นความมั่นคงเกี่ยวกับต่างประเทศที่ให้ต่างชาติเข้ามาแทรกแซง ปัญหาเศรษฐกิจ การบริหารงบประมาณแผ่นดิน กระทรวงการคลังที่มีการวิพากษ์วิจารณ์มาก รวมถึงการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 การจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ที่มีผลกระทบ หมวด 1, หมวด 2 ที่กระทบต่อความมั่นคงและสถาบันเบื้องสูง ซี่งอาจกลายเป็นปัญหาบ้านเมืองได้
"กมธ.พิจารณาแล้ว เห็นว่าเสนอดังกล่าวเป็นไปได้ยาก เพราะเป็นเรื่องนอกรัฐธรรมนูญ และ 18 ปีที่ผ่านมา เกิดข้อเสนอรัฐบาลแห่งชาติ 8 ครั้งแต่ไม่สำเร็จ อย่างไรก็ตาม การสร้างความปรองดอง กมธ.มองว่าจะเกิดขึ้นได้ต้องได้รับความเห็นพ้องจากทุกฝ่าย โดยมีแนวทางที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ คือ มาตรา 272 วรรค 2 ว่าด้วยการเห็นพ้องของที่ประชุมรัฐสภา 2 ใน 3 หรือ 500 เสียง ที่ร่วมเว้นบทบัญญัติใช้แคนดิเดตนายกฯ ในบัญชีของพรรคการเมือง หรือเปิดช่องให้นายกฯ คนนอก ซึ่งกรณีดังกล่าวเป็นไปได้ยาก เว้นแต่พรรคใหญ่ ทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล เห็นชอบร่วมกันก็จะง่ายที่เกิดนายกฯ คนนอก ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 วรรค 2 ซึ่งผมมองว่า กระบวนการที่ได้รับความร่วมมือร่วมใจนั้น ไม่ต่างจากรัฐบาลแห่งชาติ" นายเสรี กล่าว
นายเสรี กล่าวว่า กมธ.เห็นว่าโอกาสที่จะเสนอ อยู่ในช่วงสถานการณ์ที่ไม่สามารถเลือกนายกฯ ได้ตามมาตรา 272 วรรค 1 แต่การจะแก้ปัญหาได้ ต้องรับความร่วมมือจากทุกพรรคทุกฝ่ายตามมาตรา 272 วรรค 2 นั่นคือความร่วมมือจากทุกพรรค เพื่อแก้ปัญหาให้ประเทศ
"ดังนั้น เป็นอีกทางที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต และทุกคนมองข้ามไป เพียงแต่นายจเด็จ มองเห็นอนาคตที่ต้องการให้เกิดความปรองดอง สามัคคี ไม่มีอะไรแอบแฝงใดๆ ทั้งสิ้น" นายเสรี กล่าว