นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดทนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมร่วมกันของ 8 พรรคร่วมรัฐบาลว่า ทั้ง 8 พรรคเห็นพ้องกันว่าไทม์ไลน์ในการจัดตั้งรัฐบาลน่าจะขยับเร็วขึ้น 2-3 สัปดาห์ หลังจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ระบุว่าจะทำงานรับรองส.ส.ให้ได้ 95% โดยเร็วที่สุด ดังนั้นทุกพรรคจะต้องเตรียมความพร้อมในการทำงานทั้งเรื่องของนโยบายที่จะแถลงต่อรัฐสภา โดยเฉพาะการเปลี่ยนผ่านงบประมาณเพื่อเร่งแก้ไขปัญหาให้ประชาชน
นายพิธา กล่าวว่า ถ้าเป็นไปตามที่ประธาน กกต. เคยให้สัมภาษณ์ไว้ หรือที่สื่อมวลชนเคยทำไทม์ไลน์ไว้คือ 13 ก.ค. จะเป็นวันสุดท้ายในการรับรองส.ส. หลังจากนั้นจะเป็นกระบวนการรายงานตัว เปิดประชุมเพื่อเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร และเลือกนายกรัฐมนตรี ก่อนถวายสัตย์ปฏิญาณฯ ตามขั้นตอน โดยทุกพรรคการเมืองเห็นตรงกันว่า เป็นเรื่องน่ายินดี หากจะเลื่อนไทม์ไลน์ขึ้นมาให้เร็วขึ้นอีก 2-3 สัปดาห์ และทุกพรรคต้องจัดเตรียมนโยบายที่จะแถลงต่อรัฐสภา และดูแลเรื่องเปลี่ยนผ่านงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ เพราะหากตั้งรัฐบาลได้เร็ว จะได้บริหารจัดการงบประมาณในการกระตุ้นเศรษฐกิจได้เร็วมากยิ่งขึ้น
โดยในวันนี้มีการตั้งคณะทำงานเพิ่มอีก 2 ชุด ได้แก่
1.คณะทำงานเกี่ยวกับการปฏิรูปประมง ซึ่งเป็นเรื่องเร่งด่วนจะต้องดำเนินการ
2.คณะทำงานดูแลช่วงการเปลี่ยนผ่านของงบประมาณ ที่จะเข้าสู่ปีงบประมาณ 2567
สำหรับ การประชุม 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลในครั้งต่อไป จะมีขึ้นวันที่ 20 มิ.ย.66 ที่พรรคไทยสร้างไทย
ส่วนปัญหาตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร จะต้องเร่งพูดคุยกันหรือไม่นั้น นายพิธา ยอมรับว่า ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป และยังอยู่ระหว่างการพูดคุยกัน
นายพิธา กล่าวตอบคำถามกรณีหากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองทำให้ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีว่า อุบัติเหตุทางการเมืองอนุมานได้หลายรูปแบบ แต่เป็นสิ่งที่เราเตรียมตัวไว้หมดแล้วในทุกสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น เพื่อทำให้โอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองเกิดได้น้อยที่สุด
ส่วนที่มีคนตั้งขอสังเกตว่า นายพิธา จะเจอ 3 ด่านกว่าจะได้เป็นนายกฯ คือ ด่าน กกต. ด่านศาลรัฐธรรมนูญ และด่าน ส.ว.นั้น นายพิธา กล่าวว่า ไม่ได้รู้สึกกังวล แต่ก็ไม่ประมาททั้ง 3 ด่าน ตนมีการวางแผนทำงานและมีคีย์แมนดูแลทั้ง 3 ด่าน และยังสามารถเดินหน้าทำงานต่อ
"ไม่รู้สึกกังวล แต่ก็ไม่ประมาท และขอให้ประชาชนอย่ากังวลใจ จัดตั้งรัฐบาลได้แน่นอน" นายพิธา กล่าว
ส่วนกรณีหาก ส.ส.พรรคก้าวไกล โดนใบแดงจนทำให้จำนวน ส.ส.ลดลง ส่งผลให้เปลี่ยนสมการหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า การประกาศรับรอง ส.ส.ต้องอย่างน้อย 475 คน หรือ 95% แต่หากจะมีการแจกใบแดง 20 คนจริง ก็ไม่มีผลต่อการจัดตั้งรัฐบาลหรือเปิดประชุมสภาฯ แต่หากมีการเลือกตั้งใหม่ พรรคก้าวไกลมีความพร้อมเลือกตั้ง และอาจทำให้พรรคได้ส.ส.มากขึ้นด้วย