นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวกรณีมีคำสั่งให้นับคะแนน 47 หน่วยเลือกตั้งใหม่ว่า เป็นมติที่ประชุม กกต. เนื่องจากเห็นว่าจำนวนบัตรออกเสียงกับจำนวนผู้มาใช้สิทธิตรงกัน แต่คะแนนที่นับออกมาไม่ตรงกัน อาจจะมีสาเหตุจากการขีดคะแนนผิดพลาด จึงจำเป็นต้องนับคะแนนใหม่ใน 47 หน่วย
ทั้งนี้ กระบวนการนับคะแนนใหม่ จะต้องทำโดยไม่ล่าช้า คาดว่าไม่เกิน 5 วันก็น่าจะเสร็จเรียบร้อย หลังจากนั้น จะต้องส่งผลการนับคะแนนมาให้ กกต.อีกครั้ง โดยการนับคะแนนใหม่นี้ จะไม่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงจำนวน ส.ส.ที่แต่ละพรรคการเมืองได้รับ เพราะนับเพียงบางหน่วยเท่านั้น
ส่วนกรณีที่กฎหมายให้อำนาจ กกต.วินิจฉัยว่าหากไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงลำดับ ส.ส.ก็ไม่ต้องนับใหม่นั้น ประธาน กกต.กล่าวว่า มาตราดังกล่าว เกี่ยวข้องกับกรณีที่พบว่าบัตรออกเสียงเลือกตั้ง ไม่ตรงกับจำนวนผู้มาใช้สิทธิ ซึ่งเป็นคนละกรณีกับที่เหตุ กกต.สั่งนับคะแนนใหม่
อย่างไรก็ดี ขณะนี้ยังมีกรณีที่สำนักงาน กกต. จะเสนอเรื่องเกี่ยวกับการนับคะแนนใหม่ หรือสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ให้ กกต.พิจารณา ซึ่งขึ้นอยู่กับที่ประชุมว่าจะมีความเห็นว่าอย่างไร
ประธาน กกต. กล่าวว่า ในการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งนั้น กกต. ไม่สามารถทยอยประกาศรับรองผลได้เหมือนการเลือกตั้งท้องถิ่น เนื่องจากกฎหมายกำหนดให้ กกต.ต้องประกาศรับรองผลการเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 95% จึงไม่สามารถะทยอยประกาศได้ อีกทั้งขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาว่าผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งมานั้น ได้รับการเลือกตั้งมาโดยสุจริตหรือไม่ หาก กกต.พิจารณาเห็นว่ามีเรื่องร้องเรียน โดยขั้นตอนหากมีการร้อง สำนักงาน กกต.จะพิจารณาว่าเป็นเรื่องที่มีมูล หรือควรสั่งรับคำร้องหรือไม่ หากรับคำร้อง ก็จะนำไปสู่การตั้งคณะกรรมการสืบสวนไต่สวน และดำเนินการสืบสวนไต่สวนไปตามขั้นตอน ซึ่งหากดำเนินการไม่ทันภายในเวลา 60 วัน กกต.ก็จะประกาศรับรองผลไปก่อนแล้วไปดำเนินการในภายหลัง
"คาดว่าในสัปดาห์หน้า จะมีความชัดเจนว่าจะสามารถประกาศรับรองผลได้เมื่อไร แต่เชื่อว่า กกต.จะประกาศรับรองผลได้เร็วกว่า 60 วัน เร็วกว่าเมื่อปี 2562 แน่ๆ เพราะ กกต.เอง ก็ไม่อยากให้ล่าช้า" นายอิทธิพร กล่าว
ประธาน กกต.ยังกล่าวถึงกรณีคำร้องการถือหุ้นสื่อของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล ว่า มีการยื่นคำร้องมา 3 คำร้อง อยู่ในขั้นตอนสำนักงาน กกต.พิจารณาว่าจะรับเป็นคำร้องหรือไม่ และหากไม่รับเป็นคำร้อง จะรับเป็นความปรากฏต่อกกต.หรือไม่ หากรับก็จะมีการตั้งคณะกรรมการไต่สวนมาดำเนินการสืบสวนไต่สวน และเชิญผู้ถูกกล่าวหามาให้ถ้อยคำ ซึ่งกระบวนการสอบสวน สามารถทำควบคู่ไปกับการประกาศรับรองผลก็ได้
"การจะไม่ประกาศรับรองนายพิธาเป็น ส.ส.ไปก่อน คงไปพูดอย่างนั้นไม่ได้ เวลานี้อยู่ที่ว่า เราจะรับคำร้องเรื่องนี้ไว้พิจารณาหรือไม่ และถึงแม้ว่าจะรับคำร้องไว้พิจารณาแล้ว มีการตั้งคณะกรรมการไต่สวน ก็ต้องมีการให้ความเป็นธรรมกับนายพิธา หากกระบวนการยังไม่แล้วเสร็จ หรือคาดว่าจะไม่แล้วเสร็จ ก็ไม่มีกระบวนการอะไรต้องมาขวางการประกาศรับรองผล" นายอิทธิพร ระบุ
ส่วนกรณีที่นายพิธา ได้เซ็นรับรองส่งผู้สมัคร ส.ส.ในฐานะหัวหน้าพรรค จะส่งผลให้ไม่สามารถประกาศรับรอง ส.ส.พรรคก้าวไกลได้หรือไม่นั้น นายอิทธิพร กล่าวว่า "ไม่ถึงขนาดนั้น"
เมื่อถามว่าข้อบังคับพรรคก้าวไกล กำหนดให้สมาชิกพรรคต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามในการลงสมัครรับเลือกตั้ง แล้วหากนายพิธา ถูกชี้ว่าผิด จะส่งผลต่อการได้รับการรับรอง ส.ส.พรรคก้าวไกลหรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า เรื่องนี้ยังอยู่ในกระบวนการพิจารณา การให้ความเห็นเบื้องต้นทำไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องที่ กกต.ต้องพิจารณาร่วมกัน และยังต้องใช้เวลาอีกมาก แต่เรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหุ้นสื่อทั้งหมด ซึ่งการเชิญนายพิธามาชี้แจง ก็ดำเนินการหลังมีการตั้งคณะกรรมการแล้ว
ประธาน กกต. กล่าวว่า ไม่ได้รู้สึกกังวลกับการที่สังคมกดดัน กกต.ให้เร่งรับรองผลเลือกตั้ง หรือการไม่ให้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับนายพิธา ยืนยันว่า กกต. รับทราบความเห็นและความต้องการของประชาชน แต่ขณะเดียวกัน ก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่สามารถละเว้นการปฏิบัติได้
ส่วนที่นายพิธาระบุว่า หากได้เป็นนายกฯ จะเข้าไปรื้อองค์กรอิสระที่ไม่อิสระนั้น ประธาน กกต. กล่าวเพียงว่า ทุกคนมีสิทธิจะเสนอความเห็น และผลักดันให้เป็นไปตามนั้น เรามีหน้าที่เป็นเพียงผู้ปฏิบัติเท่านั้น
ด้านนายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า การสั่งนับคะแนนใหม่ จะไม่ทำให้การประกาศรับรองผลล่าช้า เพราะสำนักงาน กกต. พยายามเร่งรัดอยู่แล้ว โดยสัปดาห์หน้าสำนักงานฯ จะเสนอให้ กกต.ทยอยพิจารณา ซึ่งน่าจะเป็นการเสนอให้พิจารณาในกลุ่มที่ไม่มีเรื่องร้องเรียนก่อน แต่ไม่ใช่การทยอยประกาศผล เพราะตามกฎหมายระบุว่าจะต้องประกาศรับรอง ส.ส.ไม่น้อยกว่า 95%
โดยขณะนี้ได้ให้จังหวัดรายงานกลับมาว่า ในแต่ละจังหวัดมีเรื่องร้องเรียน และแต่ละเรื่องมีความหนักเบาแค่ไหน เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาประกาศผล และเรามีข้อมูลจำแนกเป็นกลุ่มของผู้ได้รับเลือกตั้งที่มีเรื่องร้องเรียน กับไม่มีเรื่องร้องเรียนอยู่แล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้