นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ตามที่ กกต.มีมติยกคำร้องคดีถือหุ้น ITV ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดทนายกรัฐมนตรี แต่กลับเตรียมดำเนินคดีอาญาฐานรู้ว่าขาดคุณสมบัติแต่ยังมาสมัคร ส.ส. ของพิธา นั้น เป็นบวกหรือลบ
1. คดีอาญานั้น ต้องฟ้องศาลอาญา ซึ่งมีกระบวนการที่ยาวนาน เป็นปี และเป็นหลักประกันความยุติธรรมว่าต้องผิดจริงจึงถูกลงโทษ ไม่สามารถเอาผิดโดยง่าย แต่โทษรุนแรงกว่า เพราะมีโทษจำคุกสูงสุดถึง 10 ปี และตัดสิทธิทางการเมืองถึง 20 ปี
2. การที่ กกต. ฟ้องดำเนินคดีอาญา แม้ยังอยู่ในขั้นกระบวนการยังไม่เสร็จสิ้น แต่ก็เป็นวัตถุดิบเพียงพอต่อเหล่า ส.ว. ที่ตั้งใจไม่เลือกพิธาเป็นนายกฯ ไม่ยกมือให้ โดยมีข้ออ้างแบบไม่ตะขิดตะขวงใจ
3. การยกคำร้องคดีถือหุ้นสื่อ ต่อศาลรัฐธรรมนูญ ยังไม่ตายสนิท มีโอกาสฟื้นโดย ใช้ ส.ส. 50 คน หรือ ส.ว. 25 คน หรือยื่นโดย กกต.เองในฐานะความปรากฏ หลังจากการรับรอง ส.ส. โดยใช้สิทธิ ตามมาตรา 82 ของรัฐธรรมนูญ
4. อาวุธหนักต่าง ๆ กำลังลำเลียงสู่สมรภูมิสนามรบ และไม่จบแค่ ปืนต่อสู้อากาศยาน 151 แต่แพ้ชนะกลับอยู่ที่ฝ่ายเสนาธิการผู้วางแผน
ขณะที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีดังกล่าวว่า ประเทศไทยเลือกตั้งไปแล้ว คะแนนก็เห็นกันหมด จนถึงวันนี้ยังไม่รู้ทิศทางวนเวียนอยู่กับ "หุ้นสื่อ" ตีความไปมา ร้องกันไม่หยุดหย่อน ยอกย้อนซ่อนเงื่อน แค่หุ้นสื่อที่ปิดไปแล้ว ทำอะไรไม่ได้ แต่ก็จะเอาให้ได้ กกต. ดูเหมือน "ยกคำร้อง" แต่กลับเป็นว่า "หนักกว่าเดิม" คาดว่าอีกนานกว่าจะรู้ "ใครเป็นนายกฯ?"