นายปลอดประสพ สุรัสวดี ประธานด้านนโยบายปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐานด้านการจัดการน้ำ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า กรณีที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่อยู่ระหว่างรักษาการ มีแนวโน้มจะดำเนินโครงการสร้างคลองระบายน้ำฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา ระยะทาง 137 กิโลเมตร มูลค่างบประมาณสูงนับแสนล้านบาทนั้นว่า ทั้งในทางวิชาการและในทางการเมืองไม่เหมาะสม เพราะรัฐบาลชุดปัจจุบันอยู่ระหว่างการเป็นรัฐบาลรักษาการ ดังนั้นจึงควรที่จะแสดงความยินดีกับรัฐบาลชุดใหม่ที่กำลังจะเข้ามารับหน้าที่อย่างที่ประชาชนเลือกตั้งและเรียกร้องให้เข้ามาบริหารประเทศ และอำนวยความสะดวกในการเข้าบริหารประเทศของรัฐบาลชุดใหม่มากกว่าที่จะริเริ่มโครงการใหม่ที่ต้องใช้เวลานานนับ 10 ปีกว่าจะเสร็จสิ้นโครงการ โดยใช้งบประมาณอีกนับแสนล้านบาท ซึ่งจะสร้างภาระทางงบประมาณให้กับรัฐบาลที่กำลังจะเข้ามาบริหารประเทศ
ที่ผ่านมารัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เคยทำโครงการแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำไว้แล้วตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ แต่พอรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เข้ามาก็ได้นำไปศึกษาแต่ปฏิเสธที่จะดำเนินการตามที่ได้มีการศึกษาไว้แล้วอย่างรอบคอบ และรัฐบาลรักษาการชุดนี้กลับริเริ่มโครงการใหม่เอง ซึ่งเป็นที่น่ากังวลว่าโครงการใหม่นี้ไม่ได้มีการศึกษาอย่างละเอียดรอบคอบทั้งระบบ
โดยเฉพาะในทางวิชาการจะเห็นได้ว่าโครงการนี้ศึกษาและตัดสินใจเฉพาะในส่วนต้นน้ำเท่านั้น คือการเอาน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาส่วนเกินผ่านแม่น้ำชัยนาท-ป่าสัก เข้ามาเป็นระยะทางประมาณ 50 กิโลเมตร แต่ไม่ได้ศึกษาว่าหลังจากจุดนั้นจนไหลลงไปถึงอ่าวไทยจะบริหารจัดการอย่างไร และจะสร้างผลกระทบต่อประชาชนอย่างไร ซึ่งการผันน้ำมาในพื้นที่ภาคตะวันออกของประเทศ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความเจริญและมีคนอาศัยอยู่จำนวนมากจะสร้างผลกระทบต่อประชาชนอย่างแน่นอน ที่สำคัญคือการนำน้ำมาออกใกล้พื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างยิ่ง อีกทั้งคลองเดิมที่มีอยู่แล้วมีขนาดเล็กรับน้ำได้จำนวนจำกัด แต่น้ำที่จะผันมามีปริมาณมากกว่า อาจทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ที่น้ำผ่าน ซึ่งอาจต้องขยายคลองต่างๆ อีก ซึ่งจะกระทบกับประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณริมคลองต่างๆ อีกทั้งคลองที่มีอยู่ในปัจจุบัน ทั้งชัยนาท-ป่าสัก และคลองระพีพัฒน์ เป็นคลองเพื่อการชลประทาน ไม่ได้มีโครงสร้างที่เหมาะสมที่จะใช้ในการระบายน้ำ