นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชนน สภาผู้แทนราษฎร ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ตรวจสอบว่าข้อบังคับของพรรคก้าวไกล ที่มีการกำหนดเรื่องการถือหุ้นสื่อไว้เป็นลักษณะต้องห้ามของการเป็นสมาชิกพรรคหรือไม่ และการที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สมาชิก หัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรค ถือหุ้นไอทีวีจะเข้าข่ายขัดข้อบังคับพรรคหรือไม่ หลังจาก กกต.ได้ยกคำร้องไปก่อนหน้านี้
นายสนธิญา กล่าวว่า ตนตรวจสอบไม่เจอว่าข้อบังคับพรรคก้าวไกลมีการกำหนดลักษณะต้องห้ามเรื่องการถือหุ้นสื่อไว้หรือไม่ แต่หากกำหนดไว้จะเป็นเหตุให้ความเป็นสมาชิกพรรคของนายพิธาซึ่งถือหุ้นไอทีวีสิ้นสุดลง และนายพิธาก็จะเข้าข่ายเป็นบุคคล ซึ่งไม่ใช่สมาชิกพรรคกระทำการชี้นำ ครอบงำการดำเนินการของพรรคก้าวไกล ตามมาตรา 28 และมาตรา 29 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง เป็นเหตุให้ กกต.สามารถยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคก้าวไกลได้ตามมาตรา 92(3) ของกฎหมายเดียวกัน
"ผมไม่แน่ใจ เพราะค้นไม่ได้ว่ากรณีของข้อบังคับพรรคก้าวไกลมีการกำหนดเรื่องการถือหุ้นของสมาชิกหรือหัวหน้าพรรคไว้หรือไม่อย่างไร แต่ผมหยิบเอาประเด็นที่เลขาธิการ ป.ป.ช.ได้แถลงและยืนยันว่านายพิธา ซึ่งมีนามสกุลเดียวกับยายของผมคือแซ่ลิ้ม ได้ยื่นแจ้งบัญชีทรัพย์สินเกี่ยวกับการถือหุ้นมาตั้งแต่ปี 62 เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งปี 62 และเท่าที่ผมทราบนายพิธาถือมาตั้งแต่ปี 50 จึงร้องมาที่ กกต.ว่าการที่นายพิธาถือหุ้นไอทีวีมาตั้งแต่ปี 50 แล้วมาแจ้งการถือหุ้นในปี 62 นั้นเป็นกระทำที่ขัดต่อข้อบังคับพรรคหรือไม่ เพราะจะพัวพันถึง พ.ร.ป.พรรคการเมืองมาตรา 28 มาตรา 29 ที่เป็นเหตุให้ต้องยุบพรรคก้าวไกล" นายสนธิญา กล่าว