นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยและแคนดิเดทนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการหารือกับกลุ่มสมาชิกสหกรณ์แท็กซี่ว่า ทางตัวแทนผู้ประกอบการแท็กซี่ฝากความหวังให้พรรคเพื่อไทย แก้ไขปัญหาด้านต่างๆ ที่กลุ่มผู้ประกอบการแท็กซี่ยังมองว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ทั้งในเรื่องของต้นทุนการประกอบการ ราคาพลังงาน รายได้และค่าโดยสาร สวัสดิการ แนวทางการสนับสนุนให้แท็กซี่เปลี่ยนไปใช้รถไฟฟ้าในการประกอบอาชีพ รวมไปถึงการพัฒนาแอปพลิเคชันสำหรับสนับสนุนการใช้บริหารแท็กซี่และการสนับสนุนระบบสหกรณ์และกองทุนสำหรับผู้ขับแท็กซี่เพื่อดูแลสนับสนุนการประกอบอาชีพ โดยกลุ่มผู้ประกอบการฝากความหวังไว้กับพรรคเพื่อไทยในการแก้ไขปัญหาที่ยืดเยื้อมายาวนาน ส่งผลกระทบต่อการประกอบอาชีพ
นายเศรษฐา กล่าวว่า ปัญหาต่างๆ ที่ทางผู้ประกอบการได้สะท้อนมาพรรคเพื่อไทยพร้อมรับฟังและจะนำไปสู่การพิจารณาแก้ไข ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างขั้นตอนการจัดตั้งรัฐบาล หากเป็นไปตามที่คาดหวังคือ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จะได้เป็นนายกรัฐมนตรี และมีการตั้งคณะรัฐมนตรี หากพรรคเพื่อไทย รับผิดชอบหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงคมนาคม ก็มั่นใจว่าจะมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อพิจารณาแก้ไขปัญหาที่ได้หยิบยกขึ้นมาพูดคุยกันในวันนี้ และเชื่อว่าปัญหาจะได้รับการแก้ไขในระยะเวลาที่เหมาะสม อาทิเรื่องการช่วยเหลือเรื่องต้นทุนประกอบการ พลังงาน หรือเรื่องการแข่งขันที่เท่าเทียม ส่วนเรื่องแนวทางสนับสนุนการใช้รถไฟฟ้าหรือ EV แท็กซี่ ก็เป็นเรื่องที่จำเป็นจะต้องทำอยู่แล้ว แต่ปัญหาใดที่ไปเกี่ยวโยงกับหน่วยงานอื่นๆ ด้วยก็อาจต้องใช้เวลา อย่างเช่นเรื่องสวัสดิการ ที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงแรงงานด้วย หรือบางเรื่องเช่น แอปพลิเคชัน อาจจะยังติดอุปสรรคเรื่องกลไกภาครัฐ ที่อาจต้องใช้เวลา
นายเศรษฐา กล่าวว่า หากการจัดตั้งรัฐบาลเสร็จสิ้น และพรรคเพื่อไทย ได้รับมอบหมายจาก นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดทนายกฯ ให้ดูเรื่องของกระทรวงคมนาคม เชื่อว่าปัญหาที่ถูกหมักหมมมา 10 ปี ที่ไม่ได้มีการดูแลกันอย่างจริงใจ จะสามารถนำมาแก้ไขจะเป็นรูปธรรมได้ และหวังว่าจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลให้จบได้เร็วๆ นี้ แต่หากพรรคเพื่อไทยไม่ได้รับมอบหมายให้ดูแล ก็เชื่อว่านายพิธา คงมีความกังวลในเรื่องนี้อยู่ และคงมีการส่งผ่านไปคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่อยู่ในรัฐบาลได้เหมือนกัน เพราะรัฐบาลที่มาจากฝ่ายประชาธิปไตยจะยึดประชาชนเป็นหลัก ซึ่งแท็กซี่ก็เป็นภาคส่วนที่มีความสำคัญในภาคธุรกิจเหมือนกัน และเชื่อว่ารัฐบาลใหม่น่าจะให้ความสำคัญมาก
ในส่วนของความคืบหน้าของการรีแบรนด์พรรคเพื่อไทย นายเศรษฐา คาดว่าอีกประมาณ 1-2 สัปดาห์ น่าจะแถลงความคืบหน้าได้ ซึ่งการที่พรรคฯ ต้องมีการเปลี่ยนแปลง ไม่ได้แค่เฉพาะภาพลักษณ์เพียงอย่างเดียว แต่ต้องเปลี่ยนวิธีการทำงาน และวิธีคิดด้วย ดังนั้น จึงต้องใช้เวลาอีกเล็กน้อย