นายฐิติเชฏฐ์ นุชนาฏ กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เข้าสังเกตการณ์บรรยากาศการเปิดให้ ส.ส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง และแบบบัญชีรายชื่อ รวมทั้งหมด 500 คน เข้ารับหนังสือรับรองการเป็นส.ส. เพื่อนำไปรายงานตัวต่อสภาผู้แทนราษฎร โดยนายฐิติเชฏฐ์ ย้ำว่า การที่ กกต.มีมติประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส.เขต 400 คน และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน รวมครบทั้ง 500 คน เนื่องจากขณะนี้ขั้นตอนการสืบสวนสอบสวนในสำนวนคำร้องคัดค้านการเลือกตั้ง ยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จภายในกรอบ 60 วันตามที่กฎหมายกำหนด ดังนั้นจึงต้องประกาศรับรองผลไปก่อน แต่การสอบสวนสำนวนคำร้องต่างๆ ยังดำเนินไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ ภายใน 30 นับแต่วันที่ กกต.ประกาศรับรอง ถ้าผู้ใดเห็นคนที่ได้รับการรับรองการเป็น ส.ส.กระทำการไม่สุจริต สามารถมาร้องเรียนต่อ กกต.เพื่อให้ตรวจสอบได้ ซึ่งหากสืบสวนแล้วเห็นว่ามีความผิด หรือกระทำการทุจริต จะรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเสนอให้ศาลพิจารณาต่อไป
ส่วนกรณีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ส่งหนังสือถึง กกต. ขอให้ใช้ช่องทางตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสถานภาพ ส.ส.ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกลนั้น นายฐิติเชฏฐ์ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณา ขอให้เป็นอำนาจของคณะกรรมการไต่สวนสืบสวนที่ กกต. ตั้งขึ้นเป็นผู้ดำเนินการ
"กระบวนการตรวจสอบ ต้องมีพยานเอกสาร หลักฐาน ครบถ้วนและเพียงพอที่จะเสนอต่อศาลได้ หากไม่ครบถ้วน ศาลก็อาจจะไม่รับไว้พิจารณาได้ ดังนั้น กกต.ต้องดำเนินการด้วยความละเอียดรอบคอบ รวมทั้งให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยเฉพาะฝ่ายผู้ถูกร้อง" นายฐิติเชฎฐ์ ระบุ
อย่างไรก็ดี ขณะนี้อยู่ในระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนที่จะเสนอ กกต. เชื่อว่าคณะกรรมการไต่สวนสืบสวนที่ กกต.ตั้งขึ้นมาจากผู้เชี่ยวชาญ จะดำเนินการด้วยความรวดเร็ว และหลังจากนี้น่าจะมีการเชิญนายพิธา และบุคคลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเข้ามาชี้แจงด้วย