คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการโทรทัศน์ถึงกรณีที่พรรคก้าวไกล ยกเลิกนัดหมายการเจรจาตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรว่า หากไม่สามารถตกลงได้ใน 2 พรรคใหญ่ก็มีโอกาสดีลล่มได้ และมองว่า 2 พรรคควรจะพูดคุยให้ได้ข้อสรุป หากจะพูดถึงเรื่องตำแหน่งของแต่ละพรรค และเข้าใจความต้องการของสมาชิกแต่ละพรรคที่ต้องการสิ่งที่ดีที่สุดให้กับพรรคตัวเอง ทำให้เกิดการต่อรองกันเต็มที่ แต่ฝากให้คำนึงถึงความคาดหวังของประชาชนที่ใช้สิทธิเลือกตั้ง เลือกฝั่งประชาธิปไตยมาทำหน้าที่รัฐบาล
"ก็ขึ้นอยู่กับ 2 พรรคเท่านั้น ถ้า 2 พรรคคุยกันด้วยความจริงใจ ตรงไปตรงมา เหตุผลคืออะไรแน่ เป้าของแต่ละพรรคคืออย่างไร ไม่ใช่เอาตำแหน่งมาเป็นเครื่องมือ ถ้าจะร่วมมือกัน ก็สามารถคุยให้ร่วมมือกันต่อไปได้ แต่ถ้าจะแยกทาง ก็หาเหตุแยกได้เหมือนกัน มันอยู่บนเส้นด้าย พลิกซ้ายได้ พลิกขวาได้...ยิ่งไม่คุย ยิ่งมีปัญหา ซึ่งมีเค้าลางความขัดแย้งมาตั้งแต่เริ่มต้นแล้ว แต่เราพยายามที่อยากให้ประเทศเดินได้ ไม่อยากให้มีการออกมาชุมนุม หรือเกิดความสูญเสีย ทั้งชีวิต และเศรษฐกิจ ก็พยายามทำให้ 2 พรรคคุยกันให้ได้ "คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว
คุณหญิงสุดารัตน์ หวังว่า 2 พรรคจะคุยกันรู้เรื่อง ถ้าในวันโหวตประธานสภาฯ มีคนจากฝั่ง 8 พรรคร่วม เสนอโหวตเกินกว่า 2 คน ไม่ว่าทางตรง โดยการเสนอตรง หรือโดยทางอ้อม ให้คนอื่นเสนอก็แล้วแต่ มันจะเกิดความเสี่ยงทันที
"เหตุการณ์ตั้งแต่เย็นวานนี้ มันคือแก้วที่เห็นรอยร้าวแล้ว แต่หวังว่า เขาจะคำนึงถึงความคาดหวังของประชาชน และคุยในหลักการจริงๆ ด้วยเหตุด้วยผล...ก็ให้กำลังใจให้พูดคุยกัน" คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว
พร้อมเชื่อว่า ยังมีโอกาสจะประสานรอยร้าวได้ หาก 2 พรรคตั้งสติ เห็นแก่ส่วนรวมและพูดคุยกัน และหวังว่าวันนี้จะใช้เวลาไตร่ตรอง ใช้ความเป็นผู้ใหญ่ ใช้หน้าที่ความรับผิดชอบที่ไปขอเสียงจากประชาชนมา ทำให้กับประชาชนให้ดีที่สุด และไม่อยากเกิดการเลยเถิดไปถึงการชุมนุม ทุกอย่างจะเสี่ยงไปหมด
นอกจากนี้ ในส่วนของการนัดพูดคุยของหัวหน้าพรรค 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลนั้น ได้มีการแจ้งยกเลิกว่าจะไม่มีการพูดคุยแล้วด้วย ก็ถือเป็นสัญญาณไม่ดี
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล อาจไม่ผ่านด่านต่างๆ ไปถึงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จึงมีความคิดที่จะเปลี่ยนเกมจนนำมาสู่ความวุ่นวายในวันนี้นั้น คุณหญิงสุดารัตน์ มองว่า อะไรก็เกิดได้หมด เพราะกติกาที่เป็นอยู่ ทำให้พรรคการเมืองต่างๆ พยายามหาช่องเพื่อประโยชน์ส่วนตัว เมื่อมีความวุ่นวายทางการเมือง ผู้ที่มีอำนาจก็อาจมองไปแง่หนึ่ง มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ก็จะพยายามบริหารอำนาจพิเศษขึ้นมา ก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้หมด แล้วแต่ใครจะเอามุมไหนมาเป็นประโยชน์